Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา ตลาดหุ้นเผชิญกับแรงขายทำกำไรอีกครั้ง โดยเฉพาะในกลุ่มที่อิงกับภาคการท่องเที่ยวอย่าง AOT, CENTEL, MINT, ERW สอดคล้องกับมุมมองของเรา ในขณะที่กลุ่มธนาคารและการเงินเผชิญกับแรงขายเช่นกัน นำโดย11 KTC (-30%), TISCO (-8%), SCB, MTC อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนอย่าง KCE ยังมีแรงซื้อต่อเนื่อง ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,627.6 จุด (-15.8 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 3.6 หมื่นล้านบาท ใกล้เคียงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 3.7 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 760 ล้านบาท แต่กลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 2,455 สัญญา
Investment theme
แนะเลี่ยงการลงทุน 2 กลุ่ม : ในระยะสั้นเราแนะนักลงทุนเลี่ยงการลงทุนในบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวเช่นกลุ่มโรงแรมและสายการบิน ที่คาดได้รับผลกระทบเชิงจิตวิทยาภายหลังเกิดเหตุเรือล่มที่จังหวัดภูเก็ต ส่งผลให้นักท่องเที่ยวจีนหลายคนเสียชีวิต โดยภายหลังการตรวจสอบแหล่งข่าวระบุมีความเชื่อมโยงกับนักธุรกิจจีน ส่งผลให้เราประเมินว่ารัฐบาลมีโอกาสที่จะออกมาตราการกวาดล้างทัวร์ผิดกฎหมายอีกครั้ง (ลักษณะคล้ายทัวร์ศูนย์เหรียญ) ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในปี 2559 โดยตอนนั้นจำนวนนักท่องเที่ยวจีนปรับตัวลดลงประมาณ 18-20% ปัจจุบันเราเริ่มเห็นการยกเลิกห้องพักของนักท่องเที่ยวจีนบางส่วนแล้ว แต่ยังไม่สามารถประเมินผลกระทบทั้งหมดได้ เป็นเหตุให้เราแนะนักลงทุนเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มดังกล่าวออกไปก่อน และอีกกลุ่มได้แก่กลุ่มร้านอาหารที่จำหน่ายเบเกอรี่, ขนมปัง, โดนัท ที่คาดได้รับผลภายหลังกระทรวงสาธารณสุขประกาศ ห้ามผู้ประกอบการผลิต นำเข้า และจัดจำหน่ายอาหารที่มีกรดไขมันทรานส์ มีผลบังคับใช้ทันทีใน 180 วัน ไขมันทรานส์มีอยู่ในเนยเทียมหรือ “มาการีน” เกิดจากการเติมไฮโดรเจน (Hydrogenation) ใส่ลงไปในไขมันพืชเพื่อต้องการเปลี่ยนให้น้ำมันพืชที่มีลักษณะเป็นของเหลว กลายเป็นไขและนำมาเป็นส่วนผสมในการปรุงแต่งให้ขนมเค็ก เบเกอรี่ เพื่อให้หอม ไม่เหม็นหืนและอยู่ได้นานกว่าการใช้เนยที่มาจากนมวัวจริง โดยการปรับสูตรไปใช้เนยจริงแทนมาการีน คาดให้ผู้ประกอบการมีต้นทุนที่สูงขึ้นและอาจต้องปรับสูตรการปรุงแต่งและอาจส่งผลต่อรสชาติ ส่งผลต่อการลงทุนในกลุ่มร้านอาหารโดนัท, เบเกอรี่,เค้ก
Investment Theme: สัปดาห์นี้เราประเมินกรอบ SET บริเวณ 1,620+/- จุด โดยแนะจับตาการ Preview ผลประกอบการ 2Q18 พร้อมคงคำแนะนำเลี่ยงการลงทุนกลุ่ม Commodity หันเข้าทยอยสะสมกลุ่ม Domestic อย่างก่อสร้าง (CK, STEC) กลุ่มธนาคาร BBL กลุ่มค้าปลีก BJC และสำหรับนักลงทุนระยะยาว เราคงคำแนะนำ ชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนของประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน-ยุโรป
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – จีนรายงาน GDP ไตรมาส 2 ชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสหนึ่ง ที่ 6.7% / Brent ปรับตัวลง 4% / Dollar กลับมาอ่อนค่าเล็กน้อยบริเวณ 94.5 / มี Biglot CKP จำนวน 111 ล้านหุ้น ที่ราคา 3.93 บาท/หุ้น
Stock pick : N/A
Trading idea – ชะลอการลงทุนกลุ่มโรงแรม คาดได้รับผลกระทบจากการปราบทัวร์ศูนย์เหรียญอีกครั้ง / ชะลอการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับไขมันทรานส์ (Bakery, Cake, Donut) / เก็งกำไร CPF คาดงบ 2Q พลิกเป็นกำไร / เก็งกำไร BJC คาดผลประกอบการโตเด่น 26% YoY เมื่อเทียบกับกลุ่ม / ทยอยสะสม BEM คาดกำไรเติบโตต่อเนื่องจนถึง Q3
Technical View
หลุด Neckline 1630 รูปแบบการกลับตัวเริ่มเสีย : แรงขายหลักจากกลุ่มธนาคารและ Leasing ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับ Neckline ของรูปแบบ Double Bottom ที่ 1630 ทำให้มีโอกาสเกิด False Break ในรูปแบบดังกล่าว ระยะสั้นมองว่าหากแนวรับ 1620 ไม่สามารถต้านแรงขายได้ มีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่อง มองแนวรับถัดไปที่ 1600 และ 1590 ตามลำดับ จังหวะ Rebound ระหว่างวันมองเป็นโอกาสขายลดพอร์ต
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หลังหลุด 1630 ต้อง Lock Profit หากยังมีหุ้นใช้ 1620 ในการ Stop Loss 2) ไม่มีหุ้น : รอดูแนวโน้มที่แนวรับ 1620 หากรับไม่อยู่แนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนและดูแนวรับถัดไป แต่หากรับอยู่แนะนำเล่น Rebound
แนวรับ : 1600, 1620 แนวต้าน : 1635, 1640
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: จับตาปัญหา Tradewar
ปัจจัยในประเทศ: สัปดาห์นี้ติดตามการรายงานผลประกอบการ 2Q61 ของกลุ่มธนาคารพาณิชย์
หุ้นเทคนิค:
HANA (B 35.50-36.50, Tp 38.50// 77.00, Cut 35.00)
EA (B 32.50, Tp 35.00, Cut 32.00)
ข่าวเด่น