กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนลบเป็นส่วนใหญ่ตามที่เราคาดจากกลุ่มพลังงานที่ถ่วงตลาดตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับลงแรงกว่า 4% อย่างไรก็ตาม ยังมีแรงหนุนจากกลุ่มธนาคารบ้างหลังมาตรฐาน IFRS9 เลื่อนบังคับใช้เป็นปี 2020 แรงขายส่วนใหญ่มาจากสถาบันในประเทศกว่า 2.2 พันลบ. ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติเริ่มพลิกมาซื้อบางๆ
แนวโน้มตลาดวันนี้ : คาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways up จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายขึ้นหลังประธาน FED ให้มุมมองเป็นบวกต่อเศรษฐกิจในการแถลงต่อหน้าคณะกรรมธิการสภาผู้แทนฯ โดยคาด GDP 2Q18 ขยายตัวโตสูงกว่า 1Q18 มากและแข็งแกร่งพอให้ FED ขึ้นดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ขณะที่เงินเฟ้อยังไม่ได้สร้างความวิตกกังวล แต่เราเชื่อว่าระยะนี้ตลาดยังคงให้น้ำหนักกับการประกาศกำไร 2Q18 ของบริษัทจดทะเบียนมากขึ้นโดยเริ่มที่กลุ่มธนาคารปลายสัปดาห์นี้ เรามองว่าน่าจะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นที่มีผลประกอบการ 2Q18 โดดเด่นและทำให้เคลื่อนไหว Outperform ตลาด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q18 แข็งแกร่ง //สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือนก.ค. : BANPU, CPF, EPG, PTTEP, TISCO
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$200ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$127ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$0.4ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลพลิกกลับมาไหลเข้าภูมิภาคได้ชั่วคราว ตลาดหันความสนใจไปที่การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน และคำแถลงจากประธาน Fed ที่เชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> RS <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 23 บาท
- คาดกำไรปกติ 2Q18 โต 28% Q-Q, 139% Y-Y อยู่ที่ 137 ลบ. จากรายได้โฆษณาช่อง 8 ที่คาดโต 32% Q-Q, -5% Y-Y และรายได้ธุรกิจ MPC ที่แม้คาดอ่อนตัว Q-Q จากการตรวจเข้มสินค้าของ อ.ย. แต่เมื่อเทียบ Y-Y ยังโตสูง 86%
- คาดกำไรทั้งปีนี้โต 103% Y-Y อยู่ที่ 643 ลบ. และโตต่อเนื่องอีก 27% Y-Y อยู่ที่ 815 ลบ. ในปีหน้า ราคาหุ้นปรับลงมามากจน PE2018-19 ต่ำเพียง 20-25 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังที่ 50 เท่า และเรามอง RS ได้รับผลกระทบจากมาตรการปราบเครื่องสำอางเถื่อนน้อยที่สุด
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ดอลลาร์แข็งค่าหลังนายพาวเวล ประธาน Fed ระบุเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งจากการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน บวกกับมาตรการกระตุ้นการคลัง และการจ้างงานที่อยู่ในอัตราใกล้เต็มศักยภาพ หนุนให้ Fed เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย มุมมองของ Fed สอดคล้องกับคาดการณ์ของ IMF วานนี้ที่ยังคงคาด GDP โลกขยายตัวแข็งแกร่งที่ 3.9% ในปี 2018-19 (คงประมาณการจากการคาดการณ์ในเดือน ม.ย.) แม้จะมีความเสี่ยงเรื่องสงครามการค้าก็ตาม
(0) SYNEX เราคาดกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 160 ลบ. -24% Q-Q ตามฤดูกาล และอัตรากำไรที่ถูกกดดันจากการจัดงานเคลียร์สต็อก รวมถึง ผลลบจากเงินบาทที่พลิกกลับมาอ่อนค่าเร็ว ส่วนเมื่อเทียบ Y-Y คาดว่ายังโตได้ 6% จากรายได้ที่โตตามการขยายตัวของอุตสาหกรรมสินค้าไอที และการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Huawei หากกำไร 2Q18 เป็นไปตามคาด กำไร 1H18 จะคิดเป็น 49% ของคาดการณ์ทั้งปีที่ 750 ลบ. เพิ่มขึ้น 20% Y-Y ซึ่งปกติครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก และเราคาดว่าจะเห็นการเติบโตที่โดดเด่นอย่างมากใน 2H18 จากฐานกำไร 2H17 ที่ต่ำ และการเพิ่มสินค้าใหม่ในกลุ่ม Apple รวมถึง Synergy ที่จะเกิดขึ้นกับบัฟ เราจึงยังคงประมาณการเดิม และยังคงราคาเป้าหมายที่ 20 บาท โดยประเมินว่าการชะลอตัวของงบเป็นเหตุการณ์ชั่วคราว ขณะที่ การกลับมาโตของอุตสาหกรรมสินค้าไอทีรอบนี้คาดว่าจะกินเวลา 2-3 ปีข้างหน้า จึงถือเป็นโอกาสซื้อลงทุนมากกว่าขาย
(+) SAPPE แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q18 ดูดีสุดในกลุ่มเครื่องดื่ม คาดจะฟื้นตัวต่อเนื่อง 16% Q-Q อยู่ที่ 136 ลบ. จากการเติบโตของการขายต่างประเทศ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง และการใช้กำลังการผลิตที่สูงขึ้น ส่วนกำไรในแง่ Y-Y คาดจะแผ่วลง 17% เพราะฐานที่สูงในปีก่อน และค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น 7% Y-Y แนวโน้มกำไรจะอ่อนตัวลงในช่วง 2H18 ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ยังมีแผนออกสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังทั้งในกลุ่มกาแฟเพรียว และ Healthy Snack หากประสบความสำเร็จ น่าจะช่วยหนุนการเติบโตในปีหน้า เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 438 ลบ. +9% Y-Y และปีหน้า 496 ลบ. +13% Y-Y คงราคาเป้าหมายปีนี้ 29 บาท แนะนำซื้อ
(+) GFPT แนวโน้มกำไรสุทธิ 2Q18 จะกลับมาฟื้นตัว 51% Q-Q อยู่ที่ 220 ลบ. จากอัตรากำไรขั้นต้นที่ปรับขึ้นเพราะค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า และส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทร่วมลดลงเพราะเข้าสู่ฤดูกาลของการส่งออก และราคาชิ้นส่วนไก่ในประเทศเริ่มปรับดีขึ้น แต่ยังเป็นกำไรที่ลดลงมาก 56% Y-Y เพราะฐานสูงและค่าเงินบาทแข็งค่าราว 7% Y-Y แนวโน้มกำไรน่าจะฟื้นตัวต่อเนื่องใน 3Q18 เพราะเป็นช่วง High Season คาดผลประกอบการของบริษัทร่วมจะฟื้นตัวทั้ง GFN และ McKey และส่งผลดีต่อมายัง GFPT อย่างไรก็ตาม จากกำไรที่ไม่สดใสใน 1H18 เราจึงปรับลดกำไรสุทธิปี 2018 ลง 38% เหลือ 911 ลบ. -48% Y-Y และคาดจะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปีหน้าราว 44% Y-Y ทั้งนี้เรามองผ่านกำไรต่ำสุดไปแล้วใน 1Q18 และคาดเห็นการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจนถึงปีหน้า จึงปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2019 ได้ราคาเป้าหมายเท่ากับ 14.5 บาท แนะนำทยอยซื้อ
(+) SPALI เราคาดกำไรปกติ 2Q18 +43% Q-Q แต่ -6% Y-Y แม้แนวโน้มยอดโอนโตดีทั้งแนวราบและคอนโด แต่ถูกกดดันด้วย SG&A ที่สูงขึ้นจากการจ่ายค่า Commission ให้กับ Agent ในการขายให้ชาวต่างชาติ ขณะที่โมเมนตัมกำไรใน 2H18 คาดไต่ระดับขึ้น และทำจุดสูงสุดใน 4Q18 จาก Backlog ที่รอโอนอยู่กว่า 9.7 พันล้านบาท ส่วนการซื้อหุ้น MK เรามองเป็นบวกในระยะยาว จาก Asset ที่ MK มีที่จะเป็นแหล่ง Recurring income ได้อย่างดี และบริษัทยืนยันว่าไม่กระทบการจ่ายปันผล (เราคาดจ่าย 1 บาท/หุ้นในปีนี้ จ่ายปีละ 2 ครั้ง) อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นเหลือ upside ต่ำกว่า 10% จากราคาเป้าหมายของเราที่ 26 บาท จึงแนะนำถือ/ซื้ออ่อนตัว
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 ก.ค.
|
- ผลประกอบการ 2Q18 ของ BBL SCB BAY TMB
|
20 ก.ค.
|
- ไทย: ดุลการค้า (มิ.ย.
|
23 ก.ค.
|
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านมือสอง (มิ.ย.)
|
24 ก.ค.
|
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต
|
- (+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้น จากคำพูดของ FED ที่ยังคงเห็นเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
- (+) ตลาดยุโรปปรับตัวขึ้น หลังจากการเซ็นสัญญา Trade Agreement กับทางญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะเป็นการเปิดตลาดสินค้าเกษตรจากทางยุโรปให้เข้ามาสู่ประเทศในแถบเอเชียมากขึ้น เพื่อแลกกับการส่งออกรถยนต์จากญี่ปุ่น
- (+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น จากประเด็นการเซ็นสัญญาทางการค้า และข่าวที่ทางการจีนจะเริ่มใช้มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม เช่นการลดภาษี หรือการลด RRR
- (-) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่บริเวณ 33.30-33.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
- (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ขยับขึ้น 0.02 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.08 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขคาดการณ์สต็อคน้ำมันดิบสหรัฐประจำสัปดาห์ที่ปรับตัวลงหลังความต้องการใช้ในสหรัฐยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- () ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ร่วงลง 12.40 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1227.30ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น