ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน SET Index คาดว่าจะแกว่งตัว Sideways Down (23/07/61)


 กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings Play//Accumulate on Dip

  ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นดีกว่าที่เราคาดมากและปิดบวกได้ถึงกว่า 24 จุด กลุ่มที่นำตลาดและหนุนดัชนี ได้แก่ ธนาคาร พลังงาน และปิโครเคมี แรงซื้อส่วนใหญ่ยังคงมาจากฝั่งสถาบันในประเทศกว่า 4.6 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติพลิกมาซื้อสุทธิเกือบ 1 พันลบ. (และยัง Net Long ใน Index Futures อีกกว่า 1.1 หมื่นสัญญา)
  แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะแกว่งตัว Sideways Down โดยบรรยากาศการลงทุนเป็นลบจากทรัมป์ที่ไม่เห็นด้วยกับการขึ้นดอกเบี้ยของ FED และพร้อมเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนขั้นสูงสุด 5 แสนล้านเหรียญ รวมถึงการพักตัวของดัชนีหลังจากดีดตัวขึ้นแรงในสัปดาห์ก่อน อย่างไรก็ตามมองว่ากรอบการลบของดีชนีระยะนี้จะถูกจำกัดบริเวณ 1,650 จุดจากกลุ่มธนาคารที่คาดว่าพยุงตลาดได้หลังส่วนใหญ่ประกาศกำไรออกมาดีกว่าคาด รวมถึงกระแสเงินทุนที่เริ่มพลิกมาไหลเข้าให้เห็น ปัจจัยหลักที่ต้องติดตามระยะนี้ยังเป็นเรื่องของผลประกอบการ 2Q18 เรายังคาดมองว่าหุ้นที่มีกำไรโตโดดเด่นจะยังเคลื่อนไหว Outperform ตลาด 
  กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q18 แข็งแกร่ง //สะสมหุ้นพื้นฐานเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
  หุ้นเด่นเดือนก.ค. : BANPU, CPF, EPG, PTTEP, TISCO  

  Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$116ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$254 และไทย US$29ล้าน ขณะที่ไหลออกเกาหลีใต้ US$155ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากประธานาธิบดีสหรัฐกลับมาพูดถึงการเก็บภาษีทางการค้าต่อจีนอีกครั้ง   

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> SVI <<

  • แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 4.90 บาท
  • ราคาหุ้นขึ้นมาแล้ว 7% นับตั้งแต่เราเชียร์ซื้อเมื่อ 17 ก.ค. 18 แต่ด้วยความที่โมเมนตัมราคายังเป็นบวก และเป็นหุ้นไม่กี่ตัวที่ผลประกอบการ 2Q18 จะออกมาดีมาก รวมถึงได้ประโยชน์จากบาทอ่อน จึงน่าจะขยับขึ้นได้ต่อในสัปดาห์นี้
  • คาดกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 218 ลบ. (+241% Q-Q, +74% Y-Y) ทำจุดสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส จากรายได้ที่โตเป็นไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน, เงินบาทที่เริ่มกลับมาอ่อนค่า, และปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบที่คลี่คลาย
  • แนวโน้ม 2H18 จะโตดีต่อเนื่อง เพราะฐานปีก่อนต่ำ และ 3Q18 เป็น High Season เราคาดกำไรทั้งปี 656 ลบ. +33% Y-Y

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (+) KBANK เราปรับประมาณการกำไรปี 2018 ขึ้น 5% เป็น 3.9 หมื่นลบ. (+13.8% Y-Y) เพื่อสะท้อนกำไร 2Q18 ที่ดีกว่าคาดจากผลกระทบของรายได้ค่าธรรมเนียมการโอนผ่านดิจิทัลที่น้อยกว่าคาด, รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่มากกว่าคาด และรายได้ดอกเบี้ยที่เติบโตดีกว่าคาดทำให้ NIM เริ่มฟื้นตัว  ภายหลังปรับประมาณการ ทำให้กำไร 1H18 ที่ 2.17 หมื่นลบ. +13% Y-Y และคิดเป็น 55% ของประมาณการทั้งปี สะท้อนว่าแนวโน้มกำไร 2H18 น่าจะอ่อนตัวลงจากการชะลอตัวลงของรายได้ค่าธรรมเนียม, รายได้เงินลงทุนที่ลดลงและค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่เพิ่มตามฤดูกาล เราคงคำแนะนำซื้อ แต่คงราคาเหมาะสมเท่าเดิมที่ 235 บาท
  (0) KTB รายงานกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 7.7 พันลบ. +13.6% Q-Q, +139% Y-Y ดีกว่าที่เราและตลาดคาดเนื่องจากค่าใช้จ่ายสำรองฯที่น้อยกว่าคาด ส่วน PPOP เป็นไปตามคาดโดย +7% Q-Q (จากเงินโบนัสพนักงานที่ลดลง) แต่ลดลง 6% Y-Y (รายได้ดอกเบี้ยหดตัวลง) สินเชื่อ +1.6% Q-Q แต่ยังห่วง NPL Ratio ที่ยังขึ้นเป็น 4.52% จาก 4.33% ในไตรมาสก่อนและมากที่สุดในกลุ่ม คงคำแนะนำ ถือ โดยคงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 19.50 บาท โดยคาดว่ากำไร 2H18 น่าจะมีทิศทางชะลอลงจากสำรองฯที่เพิ่มขึ้น
  (+) KKP รายงานกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 1,551 ลบ. +2.5% Q-Q, +31% Y-Y ใกล้เคียงกับที่เราคาดแต่ดีกว่าที่ตลาดไว้ราว 8% กำไรก่อนหักภาษีเป็นไปตามที่คาดไว้ โดยเห็นการเติบโตของรายได้ดอกเบี้ยที่ดีกว่าคาดโดย +4.9% Q-Q ส่วนใหญ่มาจากรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อตามการเติบโตอย่างรวดเร็ว 4.3% Q-Q , +10.2%YTD โดดเด่นที่สุดในกลุ่ม  ขณะที่ NPL Ratio ลดลงมาอยู่ที่ 4.5% จาก 4.7% ในไตรมาสก่อน เป็นการปรับตัวลง 4 ไตรมาสติดต่อกันจากการแก้ไขหนี้ในกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ คงคำแนะนำ ซื้อ คงราคาเหมาะสมปี 2018 ที่ 85 บาท คาด Interim Dividend 2 บาทต่อหุ้น
  (+) AP คาดกำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 1.1 พันลบ. +40% Q-Q, +85% Y-Y จากยอดโอนที่คาดแตะระดับ 6.3 พันลบ. (+17% Q-Q, +37% Y-Y) หนุนจากแนวราบเป็นหลัก และเริ่มโอนคอนโด Luxury อย่าง Vittorio มูลค่า 3.2 พันลบ. รวมถึงส่วนแบ่งโครงการ JV ที่คาดโตแรง +300% ทั้ง Q-Q และ Y-Y จากการเริ่มโอนคอนโดใหญ่อย่าง Life Asoke มูลค่า 7.5 พันลบ. เราปรับกำไรปี 2018-19 ขึ้น 3% ตามการโอนโครงการได้เร็วกว่าคาด และแผนเร่งเปิดตัวแนวราบ หนุนให้คาดกำไรปกติปี 2018 ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 3.5 พันลบ. (+14% Y-Y) และโตต่อ 7% Y-Y ในปีหน้า ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 10 บาท คงคำแนะนำซื้อ 
  (+) AH เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q18 ยังมีการเติบโต 4% Y-Y อยู่ที่ 329 ลบ. (แม้ว่า 2Q17 จะมีกำไรพิเศษจากการขายเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อยรวมกัน 147 ลบ.) เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศมีการเติบโตที่ดี ขณะที่ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในไทยและมาเลเซียก็มีการเติบโตดีอีกเช่นกัน อีกทั้ง ยังมีการรับรู้ดอกเบี้ยรับจาก SGAH ตามปกติที่ไตรมาสละ 80 ลบ. ซึ่ง 2Q17 ไม่มี ส่วนเมื่อเทียบ Q-Q กำไรสุทธิจะลดลงถึง 17% จาก Low Season ที่มีวันหยุดมาก เรายังคาดกำไรสุทธิทั้งปีนี้ที่ 1,473 ลบ. เพิ่มขึ้น 23% Y-Y ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในสัปดาห์ก่อน ทำให้ PE2018-19 ลดลงเหลือเพียง 7-8 เท่า ต่ำสุดในรอบ 5 ปี และปันผลสูง 4-5% ต่อปี Downside จึงค่อนข้างจำกัด แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 47 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

23 ก.ค.

สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านมือสอง (มิ.ย.)

24 ก.ค.

ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ก.ค.)

26 ก.ค.

ยูโรโซน: ประชุม ECB

สหรัฐฯ: ดุลการค้า (มิ.ย.) ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (มิ.ย.)

  • (-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลงจากประเด็นสงครามทางการค้า หลังปธ.ทรัมป์ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าจะเดินหน้าเก็บภาษีจากจีนและยุโรปอย่างต่อเนื่อง
  • (-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดในแดนลบหลังตลาดกลับมากังวลเรื่องสงครามทางการค้าที่อาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
  • (0) ข่าวการเดินหน้าเก็บภาษีอีกครั้งของปธ.ทรัมป์ยังคงกดดันตลาดหุ้นเอเชีย แม้ว่าค่าเงินที่อ่อนค่าลงจะช่วยลดแรงกดดันได้ระดับนึงก็ตาม
  • (0) ค่าเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับเงินบาทยังทรงตัวอยู่ในกรอบ 33.30-33.40 บาท/ดอลลาร์
  • (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ปรับตัวขึ้น 1.00 ดอลลาร์/บาร์เรล มาอยู่บริเวณ 70.46 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการปรับลดกำลังการผลิตของซาอุฯหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงเร็วเกินกว่าที่ทางการคาด

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 23 ก.ค. 2561 เวลา : 09:37:38

22-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 22, 2024, 3:06 am