|
|
|
|
|
|
Market Summary 24/07/2018
Close
|
1,674.22
|
Volume
|
Bt56099M
|
Change
|
-1.53
|
P/E
|
17.09
|
%Change
|
-0.09%
|
P/BV
|
1.92
|
หุ้นแนะนำพิเศษ
THANI Analyst Meeting (ราคาปิด 7.75 Bloomberg Consensus 9.43)
- ผลประกอบการเติบโตดี 2Q61 มีกำไร 392 ลบ. +52% 1H61 มีกำไร 755 ลบ. +50% โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของสินเชื่อ การควบคุมคชจ.การจัดการและติดตามหนี้ เน้นทำตลาดผลตอบแทนสูงที่มีคู่แข่งน้อย และมีแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ทำให้ในช่วง 1H61 spread ปรับขึ้นสู่ 4.81% จาก 4.5% ใน 1H60 และส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับขึ้นเป็น 40.7% จาก 34% ใน 1H60 ในขณะที่ %NPL ลดลงสู่ 3.9% จาก 4.1% และ Coverage Ratio = 114% เพิ่มขึ้นจาก 111%
- ผู้บริหารมีเป้าสินเชื่อปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 10% แตะ 4.5 หมื่นลบ. (ปลายมิ.ย. สินเชื่อ +11.7% YoY) แนวโน้มครึ่งปีหลังยังเติบโตดีต่อ โดยยังรักษาการเติบโตและอัตราการกำไรให้ใกล้เคียงเดิม จากผลบวกมาตรการคุมเข้มน้ำหนักบรรทุกเกิน การกำหนดอายุใช้งานรถบรรทุก และแนวโน้มการขยายตัวของภาคขนส่ง หนุนให้ผู้ประกอบการจำเป็นต้องสั่งซื้อรถบรรทุกเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ THANI เป็นเจ้าตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง และเป็น 1 ใน 5 ผู้นำตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกใหม่ จึงได้ประโยชน์จากทิศทางการเติบโตดังกล่าว
- ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองเชิงบวกต่อ THANI ในฐานะหุ้น SET100 ที่มีอัตราการเติบโตดี และจ่ายปันผลสม่ำเสมอ Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 ที่ 1,531 ลบ. +36% YoY IAA consensus คาด yield เฉลี่ย 3.6% ต่อปี ราคาปัจจุบันซื้อขายที่ PER 19x ต่ำกว่ากลุ่มที่ระดับ 20x แม้ PBV 3.9x สูงกว่ากลุ่มที่ 2.7x แต่ราคาหุ้น -10%YTD แนะนำ “ซื้อ”
Market View : เก็งกำไรตามกรอบขาขึ้น
หุ้นแนะนำพิเศษ : THANI
หุ้นมีข่าว : SQ RATCH AOT MINT TCAP DELTA
Technical Insight : TU STEC
SET Index วานนี้อ่อนตัวผันผวนหลังจากทรงตัวแดนบวกในช่วงเช้า ท่ามกลางตลาดหุ้นต่างประเทศที่บวกเป็นส่วนใหญ่ โดยได้รับแรงหนุนจากนโยบายกระตุ้น ศก.ของจีน ขณะที่เริ่มมีแรงขายทำกำไรกลุ่ม BANK มากดดันหลังสิ้นสุดการรายงานกำไรงวด 2Q61 และยังมีแรงขายกลุ่ม ENERG สวนทางราคาน้ำมัน จากแนวโน้มผลประกอบการของหุ้นใหญ่ อาทิ PTT PTTEP ที่อ่อนตัว แต่มีแรงเก็งกำไรในหุ้นที่น่าจะเติบโต คือ AOT มาชดเชยต่อเนื่อง ทำให้ SET Index ปิดที่ 1,674.22 จุด (-1.53 จุด) Volume 5.6 หมื่นลบ. จาก Foreign Net +1,309.54 ลบ. TFEX Net +5,046 สัญญา ตราสารหนี้ -413.01 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดพุ่งเนื่องจากนักลงทุนขานรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน ขณะที่หุ้นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตรพุ่งขึ้นหลังจากทรัมป์ วางแผนให้ความช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า
+น้ำมันดิบปรับตัวขึ้นจากคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้คาดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนจะช่วยหนุนความต้องการน้ำมันให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
+ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนก.ค.ของสหรัฐ อยู่ที่ 55.5 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน
+รัฐบาลจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ลดภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้จ่ายด้านการวิจัย จนถึงการออกพันธบัตรพิเศษเพื่อการลงทุนสาธารณูปโภค เพื่อรับมือผลกระทบสงครามการค้า
-ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 54.3 แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน
-Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.95 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 33.33 บาท/US
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ได้รับผลบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ และจีนที่ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากสงครามการค้า อีกทั้งราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นช่วยสนับสนุนหุ้นกุล่มพลังงาน และ Fund Flow ต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิช่วยหนุนดัชนี คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,665-1,685จุด
กลยุทธ์การลงทุน เก็งกำไรกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุน
- ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวขึ้น TOP SPRC IRPC
- BBL SCB KKP ประกาศผลประกอบการออกมาดีกว่าคาด
- คาดผลประกอบการเติบโต 2Q61 BANPU BPP IVL JUBILE DELTA SVI CPF LH TPIPP WHAUP
- CPALL ROBINS HMPRO BEM ครม.คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี
- SVI DELTA CPF GFPT กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.33 บาท/US
- ดัชนี BDI ปรับขึ้นเป็นวันทำการที่ 3 รวม 7% มาที่ 1,774 จุด เป็นบวกต่อ PSL
- เก็งงบการเงิน SCC คาดการณ์ของ Bloomberg อยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท +1.7%QoQ
หุ้นมีข่าว
- SQ Analyst Meeting (ราคาปิด 2.66 ราคาเหมาะสมBloomberg Consensus 4.3)
- คาด 2Q61 อัตรากำไรขั้นต้นจะยังอ่อนตัว YoY จากเหตุการณ์ดินถล่มที่เหมืองแม่เมาะ 8 ในช่วงเดือนมี.ค. 61 ทำให้สายพานลำเรียงเสียหายบริษัทจึงใช้รถสิบล้อขนส่งแทนทำให้ค่าใช้จ่ายปรับตัวขึ้น โดยอัตรากำไรขั้นต้น 1Q61 อยู่ที่ -19% จาก 54% ใน 1Q60
- ปัจจุบันบริษัทได้ติดตั้งอุปกรณ์สายพานบนเส้นทางใหม่ แล้วเสร็จใน Q2 คาดจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งแต่ Q3 เป็นต้นไป โดยคาดว่าจะใช้กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปจนถึง Q4 เนื่องจากใน Q3 เป็นฤดูฝนทำให้มีกำลังการผลิตลดลง อย่างไรก็ EGAT อาจชดเชยค่าเสียหายในรูปแบบของงานเพิ่มให้แก่บริษัท
- Bloomberg Consensus คาดรายได้ปี 61 ที่ 3,910 ลบ. +24%YoY และกำไรสุทธิ ที่ 296 ลบ. -18%YoY เนื่องจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดินถล่ม ส่วนในปี 62 คาดบริษัทจะกลับมาดำเนินงานปกติได้ตามแผน ส่งผลให้มีรายได้ 4,765 ลบ. +22%YoY กำไรสุทธิที่ 520 ลบ. +76%YoY
- -RATCH โรงไฟฟ้าพลังน้ำ"เซเปียน-เซน้ำน้อย"(RATCH ถือหุ้น 25%) เกิดเหตุสันเขื่อนดินย่อยส่วน D แตก เนื่องจากปริมาณน้ำมากเกินกำหนด หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้มวลน้ำราว 600 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่คาดว่าจะยัง COD ได้ตามกำหนด ก.พ.62
- • ความเห็น เรามองเป็นประเด็นลบแม้ว่า RATCH มีกำลังการผลิต 6,624 MW ขณะที่โครงการเซเปียน-เซน้ำน้อยมีกำลังการผลิตที่เป็นของ RATCH ประมาณ 102.5 MW และเป็นโครงการในอนาคตที่จะ COD ในปี 2019 ทำให้ยังมีเวลาในการซ่อมแซม และคิดเป็นเพียง 1.5% ของกำลังการผลิตรวม อย่างไรก็ตามคาดว่าค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมและอาจมีค่าใช้จ่ายในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจะส่งผลให้ต้นทุนในการก่อสร้างเพิ่มขึ้นและกระทบต่อ IRR ของโครงการดังกล่าวให้ปรับตัวลง
- รฟท.เผยผลศึกษาไฮสปีดเทรน กท.-เชียงใหม่ยังไม่คุ้มลงทุน เหตุผู้โดยสารน้อยต้องหารายได้พัฒนาเชิงพาณิชย์เพิ่ม
- +AOT “BA” เจรจาพันธมิตร 3 ราย ผนึกกำลังแข่ง “คิง เพาเวอร์” ประมูลดิวตี้ฟรีที่สนามบินสุวรรณภูมิ(ที่มาข่าวหุ้น)
- -MINT ทริสเรทติ้ง ปรับลดอันดับเครดิต MINT เหลือ “A” ส่อแบกภาระหนี้สูง จากแผนซื้อหุ้น “NH Hotel Group” แต่ยังให้แนวโน้มStable” เชื่อพื้นฐานธุรกิจโรงแรม-อาหารยังคงแข็งแกร่ง
- +TCAP จะใช้เงินไม่เกิน 1 พันลบ. ซื้อหุ้นคืนจากตลท.ไม่เกิน 79.3 ล้านหุ้น เริ่ม 8 ส.ค.61 - 7 ก.พ.62
- SPA (ราคาปิด 14.8 ซื้อ ราคาเหมาะสม 19.2 ) ผู้บริหารแย้มผลงานไตรมาส 2/2561 สวย! เตรียมเปิดใหม่อีก 3 สาขาในไตรมาส 3/2561 มั่นใจรายได้ปีนี้โต 25% แตะ 1,000 ล้านบาท(ที่มา : ข่าวหุ้น)
- ความเห็น : จำนวนนักท่องเที่ยวในไตรมาส 2 เติบโตขึ้นถึง 9%YoY โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนซึ่งเป็นลูกค้าหลักของ SPA ที่เติบโตถึง 21%YoY คาดจะไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ตเนื่องจาก SPA มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ คาดกำไรสุทธิ 2Q61 จะเติบโตราว 17%YoY สู่ 47 ลบ. และคาดกำไรปี 61 จะเติบโตราว 30% ที่ 227 ลบ. จากสาขาที่จะเปิดใหม่ในช่วงครึ่งปีหลัง และจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น
- DELTA (ราคาปิด 67.75 บาท Bloomberg Consensus 69.06 บาท) รายงานกำไรสุทธิ 2Q61 เติบโต 64.6%QoQ และ 31.6%YoY มาที่ 1.39 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งจากฐานที่ต่ำในงวด 2Q60 จากการมีค่าใช้จ่ายพิเศษกว่า 992 ล้านบาท และค่าเงินในงวด 1Q61 ที่ยังคงแข็งค่า อีกส่วนหนึ่งมาจากรายได้เติบ 6.9%YoY ตามการฟื้นตัวของ ศก.ยุโรปและอเมริกาเหนือ หนุนให้ยอดขายผลิตภัณฑ์หลัก อาทิ เพาเวอร์ซัพพลายรถยนต์ไฟฟ้า และเพาเวอร์ซัพพลายคอมพิวเตอร์และเครื่อข่าย (คิดเป็นสัดส่วนรายได้กว่า 30%) เติบโตถึง 15 – 20%
- โดยรวมกำไรที่ออกมาดังกล่าว มากกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ราว 2.5% กอปรกับแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่าในงวด 3Q61 (QTD) กว่า 1.4% ที่ 33.35 บาทต่อ USD และเข้าใกล้การอ่อนค่าในเชิง YoY มากขึ้นทุกขณะที่ 33.45 บาทต่อ USD สะท้อนทิศทางอัตรากำไรขั้นต้นที่อาจจะฟื้นตัวแกร่งต่อเนื่อง แต่ทั้งนี้ ราคาหุ้นสะท้อนเชื่อว่าสะท้อนประเด็นดังกล่าวไปมากแล้ว (MTD +23%) จึงแนะนำให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้นในการ “เก็งกำไรระยะสั้น”
|
บันทึกโดย : วันที่ :
25 ก.ค. 2561 เวลา : 09:32:48
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น