คำแนะนำ
เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,211-1,215 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรบางส่วนหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,211 1,200 1,193
แนวต้าน 1,237 1,248 1,259
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.04 ดอลลาร์ต่อออนซ์โดยได้รับแรงหนุนหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ได้ตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์และชิ้นส่วนรถยนต์ของทั้งสองฝ่าย นอกจากนี้ EU ได้ตกลงที่จะซื้อถั่วเหลืองและก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) จากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีกด้วย ความพยายามในการลดอุปสรรคทางการค้าระหว่างกันได้หนุนสกุลเงินยูโรให้แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ นอกจากนี้ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มเติมจากการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 5.3% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือนสู่ระดับ 631,000 ยูนิตซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน ปัจจัยเหล่านี้หนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นแต่ความ ด้านกองทุน SPDR กลับมาลดการถือครองทองคำลงวานนี้ -2.35 ตัน สำหรับวันนี้จับตาการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB)คาด ECB จะคงนโยบายการเงินตามเดิมแต่อาจต้องติดตามแถลงการณ์ของนาย Mario Draghi ประธาน ECB เกี่ยวกับเศรษฐกิจและแนวทางการดำเนินนโยบายการเงิน และติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำไม่สามารถ break out ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้ อาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้กลับลงมาสร้างฐานราคาด้านล่างอีกครั้ง เบื้องต้นประเมินว่าราคายังคงเคลื่อนไหวระหว่าง 1,211-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคายืนเหนือแนวรับ 1,211-1,215 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ จะมีแรงดีดกลับไปทดสอบแนวต้านด้านบนอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,211-1,215 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และสำหรับนักลงทุนที่ถือสถานะซื้ออยู่ แนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไป
ข่าวเด่น