" มีแรงซื้อจากคนกลัวตกรถ "
SET Recap
SET ปิดช่วงบ่ายที่ระดับ 1,690.08 จุด เพิ่มขึ้น 15.86 จุด (+0.95%) มูลค่าการซื้อขาย 57,540.27 ล้านบาท ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นตาม Sentiment ตลาดภูมิภาคส่วนใหญ่จากความคาดหวังกำไรบริษัทจดทะเบียนออกมาดี ภาพรวมเป็นการกระจายกลุ่มเล่นทำให้โมเมนตัมค่อย ๆ บวกขึ้นไป ส่วนประเด็นสงครามการค้าช่วงสั้นยังไม่ให้ความสำคัญมากนัก แต่หันไปติดตามงบฯ สัปดาห์หน้าเปิดงบฯกลุ่ม ICT และกลุ่มพลังงานคาดออกมาดีกว่าคาด พรุ่งนี้คาดตลาดฯแกว่งแคบก่อนหยุดยาว แนะติดตามตัวเลข GDP สหรัฐงวด Q2/61-งบ PTTEP
SET Outlook
คาดดัชนีฯ มีโอกาสเดินหน้าต่อ จากแรงซื้อที่กลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยโดยเฉพาะ .... นักลงทุนต่างประเทศและกองทุนฯ สลับเข้ามาซื้อหุ้นในตลาด หลังดัชนีฯฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง เป็นแรงผลักดันตลาดที่สำคัญ ... ตัวแปรที่หนุนตลาด อื่นๆ ประกอบด้วย การเจรจาการค้าสหรัฐฯ-อียู คาดจะออกมาดีต่อเนื่องจากข่าววานนี้ ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่ได้ต้องการเปิดสงครามการค้ากับอียู ด้านราคาน้ำมันดิบที่เริ่มยืนได้ (WTI เช้านี้ $69.5 เหรียญ) เป็นบวกต่อ PTT-PTTEP …. ขณะที่ปัจจัยในประเทศ นอกจาก รัฐบาลทยอยเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งส่วนของการลงทุนและเร่งการใช้จ่ายภาครัฐ นักลงทุนก็เริ่มเข้ามาเก็งกำไรในเรื่องของผลการดำเนินงาน 2Q ที่กำลังเข้ามาในตลาด ... วันนี้ กระทรวงการคลังจะเผยตัวเลขคาดการณ์ GDP ของไทย (เดิมปี '61 คาด +4.5%)
Recommendation
เช่นเดียวกับวันก่อนที่เรายังมองตลาดจะค่อยๆฟื้นตัว จากตลาดมีปัจจัยถ่วงน้อยลง มีการขายทำกำไรช่วงสั้นในระหว่างการซื้อขาย... เรายังแนะให้นักลงทุน "ถือ" ไว้ หรือเข้าซื้อหุ้นตัวที่อิงหรือล้อไปกับทิศทางตลาด.......หุ้น top picks ขนาดใหญ่ ของเราในวันนี้ ประกอบด้วย BBL, PTTGC , CPALL , MINT , BDMS , SCC ….ส่วนหุ้นอื่นๆ ที่ราคาลงมามาก หรือมีปัจจัยบวกสนับสนุน อาทิกำไร 2Q ออกมาดี ประกอบด้วย TKN, ERW , SPA
Technical : DTAC , TVO , GUNKUL
* เป็นหุ้นที่แนะนำโดย KTBST ยังไม่ได้จัดทำบทวิเคราะห์
Key Factors to Watch
- คลังฯ เผยตัวเลขประมาณการ GDP ของไทย (26 ก.ค.)
- ตัวแทนอียูเข้าเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ (26 ก.ค.)
- ประชุม ECB (26 ก.ค.)
- GDP 2q ของสหรัฐฯ (27 ก.ค.)
- ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (30-31 ก.ค.)
Story of the Day
สถานการณ์ธุรกิจกระดาษ ปี 2018 นั้นค่อนข้างดี จากราคากระดาษที่สูงขึ้นตาม demand (2Q = $215 เหรียญ/ตัน) ขณะที่ราคาเศษกระดาษ อยู่ในระดับต่ำจากการควบคุมการนำเข้าเศษกระดาษของประเทศจีนที่เริ่มใช้มาตั้งแต่ต้นปี ..... จากงบของ SCC พบว่า EBITDA และ กำไร ของธุรกิจกระดาษ นั้นปรับตัวขึ้นมา 3 ไตรมาสติดต่อกัน ........ อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มราคาเศษกระดาษ (ข้อมูลจาก SCC) ได้เริ่มขยับขึ้นมาบ้างแล้ว อาจทำให้กำไรในไตรมาสต่อๆไปไม่ได้ดีเช่นที่ผ่านมา...... นอกจาก SCC ที่ทำธุรกิจกระดาษแล้ว มีหุ้น UTP ที่ทำธุรกิจนี้ โดยเราคาดว่ากำไร 2Q-18 น่าจะออกมาดีด้วย (คำแนะนำการลงทุน สำหรับ UTP ทาง KTBST แนะนำ "ซื้อ" ราคาที่เหมาะสม 16.00 บาท)
Today Stock Picks
BBL (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 210 บาท)
เรามีมุมมองเป็นบวกต่อผลการดำเนินงานปี '18 ของ BBL ที่จะทำได้มากกว่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ เนื่องจากมีกำไรจากเงินลงทุนและการเติบโตของสินเชื่อที่มากกว่าคาด ขณะที่ NPL จะทรงตัวอยู่ได้ที่ระดับ 3.5% ส่งผลให้เรามีการปรับประมารการกำไรสุทธิในปี 2018-2019 เพิ่มขึ้น 4-5% YoY โดยปรับเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อเพิมขึ้นเป็น 7% YoY จากเดิมที่ 5% YoY และปรับกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่เราคาดไว้เพียง 6 พันล้านบาท ....... เรามองว่า BBL เป็นธนาคารที่มีความเสี่ยงต่ำ เพราะมี Coverage Ratio อยู่ในระดับสูงถึง 176.3%...... ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST 234.00 บาท ....... (ราคาปิด 203 บาท )
ERW (ซื้อ, เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 7.50 บาท)
เรามองราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวที่ลงมามาก และเลือก ERW เพราะได้ประโยชน์จากการท่องเที่ยวเมืองรองที่ยังเติบโตได้ดี ...... ข้อมูลจากกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาระบุจำนวนนักท่องเที่ยวเดือน มิ.ย. 2018 อยู่ที่ 3.03 ล้านคน เพิ่มขึ้น 12% YoY โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนยังเพิ่มขึ้นได้ดีที่ 18% YoY ……..นักท่องเที่ยวรัสเซียกลับมาหดตัวลงที่ 16% YoY เนื่องจากฟุตบอลโลก …….. สำหรับ ERW เราคาดว่า กำไรสุทธิใน 2Q18 จะอยู่ที่ 40 ล้านบาท ลดลง 30% YoY และ 86% QoQ โดยลดลง YoY จากการปิดปรับปรุง JW Marriott ส่วนการลดลง QoQ เพราะเป็นช่วง Low Season ……….…..ราคาที่เหมาะสมโดย KTBST 7.50 บาท ....... (ราคาปิด 7.25 บาท)
News Comment
BANK : 4 แบงก์ไทยสำลักน้ำ! ปล่อยกู้เซเปียน 2.2 หมื่นล.
4 แบงก์เจ้าหนี้ กรุงไทย กรุงศรีฯ ธนชาต และเอ็กซิมแบงก์ เจอพิษเขื่อนลาวแตก หวั่นยืดเยื้อกระทบเงินกู้โครงการเซเปียน-เซน้ำน้อย วงเงิน 2.2 หมื่นล้านบาท หากคืนหนี้ล่าช้า KTB โดนหนักสุด 7-8 พันล้านบาท ล่าสุดมีผู้เสียชีวิตและสูญหายร่วม 100 คน (ที่มา: ข่าวหุ้น)
KTBST: เรามีมุมมองเป็นกลางต่อประเด็นข่าวดังกล่าว โดยมี 4 ธนาคารที่เป็นเจ้าหนี้คือ KTB,BAY, TCAP และ EXIM BANK ซึ่ง KTB เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดราว 7-8 พันล้านบาท ขณะที่เราเชื่อว่า ทางธนาคารจะยังไม่มีการตั้งสำรองฯเพิ่มเติมสำหรับกรณีนี้ เนื่องจากสินเชื่อที่ปล่อยนี้มีประกัน 2 ส่วน คือ ประกันในส่วนของสินเชื่อ และประกันในส่วนของการก่อสร้าง โดยเรายังคงแนะนำ "ถือ" KTB และ TCAP ราคาเป้าหมายที่ 19.30 บาท และ 55 บาท
AUTO : โตโยต้า ชี้ปัจจัยบวกเศรษฐกิจฟื้น หนุนรถยนต์ในไทยพุ่ง
บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผย แนวโน้มตลาดรถยนต์ในประเทศไทยคาดว่าเติบโต 12.4% หรือ 9.8 แสนคัน จากเดิมประมาณการว่าราว 9 แสนคัน โดยครึ่งปีแรกตลาดรถยนต์กว่า 4.89 แสนคัน หรือเติบโต 19.3% สำหรับยอดขายของโตโยต้ารวมเติบโตกว่า 1.41 แสนคัน เติบโต 26.2% มีส่วนแบ่ง 29% และคาดยอดขายรวมของโตโยต้าทั้งปีได้ปรับเป้าเพิ่มจากเดิม 3 แสนคัน เป็น 3.15 แสนคัน เติบโต 31.2% ส่วนการส่งออกคาดว่าจะอยู่ที่ 3 แสนคัน ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา (ที่มา: โพสต์ทูเดย์)
KTBST : เรายังมีมุมมองเป็นบวกต่อภาพรวมยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้ที่กลับมาโดดเด่น โดยประมาณการการยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้ของโตโยต้าที่ปรับเพิ่มใหม่มากกว่าที่เราประเมินที่ 9.5 แสนคัน โดยมีปัจจัยบวกจากภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น, โครงการรถคันแรกทยอยครบ 5 ปี ทำให้มีการเปลี่ยนรถยนต์ใหม่มากขึ้น ส่วนยอดผลิตรถยนต์ในประเทศปีนี้ยังคาดจะอยู่ที่ 2.1 ล้านคัน เติบโต 6% โดยการส่วนใหญ่จะเติบโตจากรถกระบะ ซึ่งหุ้นที่จะได้ประโยชน์ ได้แก่ SAT ราคาเป้าหมาย 26.50 บาท และ AH ราคาเป้าหมาย 44 บาท ที่มีการผลิตชิ้นส่วนรถกระบะค่อนข้างมาก และเป็นหุ้น Top Pick ของเรา ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานงวด 2Q18 จะเติบโตได้โดดเด่น YoY ตามยอดผลิตรถยนต์ที่เติบโต 11% YoY แต่คาดจะลดลง QoQ ตามปัจจัยฤดูกาลที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก
Research Highlights
TMB (ถือ, ราคาเป้าหมาย 2.40 บาท)
"ขาย TMBAM เป็น sentiment เชิงบวกระยะสั้น"
บอร์ดทีเอ็มบีอนุมัติ ขายหุ้นบลจ.ทหารไทย 65% ให้ 'อีสท์สปริง' ซึ่งเป็นบริษัทลูกของพรูเดนเชียลฯ พร้อมมีสัญญาจะขายหุ้นที่เหลืออยู่อีก 35% ให้อีกในอนาคต โดยเรามีมุมมองเป็นบวกต่อการขายธุรกิจกองทุนรวม TMBAM ในระยะสั้น โดยจะได้กำไรสุทธิจากการขายเข้ามาราว 1.3 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 0.029 บาทต่อหุ้น หากอิง P/BV ที่ 2.4x แต่อย่างไรก็ดี การขายครั้งนี้จะส่งผลกระทบในระยะยาว เพราะ TMB ได้ consol งบของ TMBAM ซึ่งขายไปแล้วจะทำให้มีกำไรหายไปปีละ 254 ล้านบาท ทำให้เรามองว่า TMB จะต้องเร่งหารายได้จากทางอื่นมาชดเชย และอาจต้องใช้เวลานาน แต่อย่างไรก็ดี TMB มีความตั้งใจที่จะขาย TMBAM ทั้งหมด 100% ในอนาคต หากอิง P/BV ที่ 2.4x TMB มีกำไรเข้ามาเพิ่มเติมราว 2.0 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 0.045 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ เรายังคงแนะนำ "ถือ" ราคาเป้าหมายที่ 2.40 บาท อิง P/BV ที่ 1.10x เทียบเท่าค่าเฉลี่ย -1SD ย้อนหลัง 5 ปี โดยเรามองว่า ประเด็นข่าวนี้จะเป็น sentiment เชิงบวกแค่ระยะสั้นต่อราคาหุ้น
CPN (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 92.00 บาท)
"คาดกำไรสุทธิ 2Q18 ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง"
เราประมาณการกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 2,845 ล้านบาท +15%YoY และ +1% QoQ จากรายได้รวม +29% YoY และ +20% QoQ จากการเริ่มรับรู้รายได้จากศูนย์ฯที่เพิ่งเปิดช่วง 4Q17 ที่นครราชสีมาและมหาชัยได้เต็มไตรมาส รวมถึง เริ่มรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดจำนวน 1 พันล้านบาท ทั้งนี้ เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2018 ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท +22% YoY โดย 3Q18 มีการเปิดศูนย์ฯใหม่ที่เซ็นทรัลภูเก็ต และใน 4Q18 จะมีการเปิดศูนย์ที่ต่างประเทศ เซ็นทรัล ไอ-ซิตี้ มาเลเซีย และยังแนะนำ "ซื้อ" ราคาเป้าหมายที่ 92 บาท อิง DCF (WACC 7.5%, g=3.5%) หรือคิดเป็น PE ที่ 33.7x เทียบเท่า +1SD ย้อนหลัง 5 ปี
TOP (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 98.00 บาท)
"ค่าการกลั่นผ่านพ้นจุดต่ำสุด"
เราคาดว่ากำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท +43.0% YoY ลดลง 17.1%QoQ เนื่องจากการรับรู้กำไรจาก Stock Gain แต่จะถูกลดทอนบางส่วนจากการขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน กำไรปกติ 2Q18ลดลง เนื่องจากมาร์จิ้นของโรงกลั่นและอะโรเมติกส์มีการปรับลดลงจากต้นทุนน้ำมันดิบที่สูง อย่างไรก็ตาม ค่าการกลั่นได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q18 คาดว่าจะเห็นค่าการกลั่นค่อยๆฟื้นตัวขึ้น จากความต้องการในการเข้าสู่ Driving Season เราประเมินมูลค่าด้วย โดยใช้ EV/EBITDA ปี 2018 ที่ 6.5x (+2SD) ได้ราคาเหมาะสมที่ 98 บาท ราคาหุ้นช่วงก่อนหน้าเคยอ่อนตัวลงเมื่อค่าการกลั่นต่ำ แต่ ณ ปัจจุบัน ราคาหุ้นเริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังค่าการกลั่นที่สูงขึ้นและคาดว่าจะขยับเข้าหา EV/EBITDA ที่+2SD เมื่อค่าการกลั่นอยู่ในระดับสูง 6-8 เหรียญเหมือนปี 2015 และปลายปี2017 จึงยังให้คำแนะนำ "ซื้อ"
News Summary
Markets
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) ขานรับสัญญาณบวกจากการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) โดยทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะร่วมมือกันเพื่อเตรียมยุติการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าอุตสาหกรรมที่ไม่รวมรถยนต์ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐ และสหภาพยุโรป (EU)
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,414.10 จุด เพิ่มขึ้น 172.16 จุด หรือ +0.68% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,846.07 จุด เพิ่มขึ้น 25.67 จุด หรือ +0.91% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,932.24 จุด เพิ่มขึ้น 91.47 จุด หรือ +1.17%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) โดยตลาดได้รับแรงกดดันจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่จะรู้ผลการประชุมระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งจัดขึ้นที่ทำเนียบขาว
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.3% ปิดที่ 387.17 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,579.33 จุด ลดลง 110.06 จุด หรือ -0.87% ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,426.41 จุด ลดลง 7.78 จุด หรือ -0.14% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,658.26 จุด ลดลง 50.79 จุด หรือ -0.66%
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ซึ่งช่วยให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดใจมากขึ้น
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.51% ปิดที่ 1,231.8 ดอลลาร์/ออนซ์
(ยังมีต่อ)
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 ก.ค.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 78 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 69.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนก.ย. เพิ่มขึ้น 49 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 73.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
ข่าวเด่น