Market summary
เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา SET ปรับขึ้นทดสอบแนวต้านเชิงจิตวิทยาที่ 1,700 จุด โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขายมีแรงซื้อเด่นในกลุ่มพลังงานอย่าง PTT, PTTEP และกลุ่มธนาคาร SCB, KBANK และกลุ่มโรงไฟฟ้า TPIPP, EA, BGRIM อย่างไรก็ตามเกิดแรงขายทำกำไรในกลุ่มโรงพยาบาลภายหลังปรับขึ้นเด่น อย่าง BH, BDMS ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,701.8 จุด (+11.7 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.9 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 5.7 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อหุ้นไทยที่ 2,313 ล้านบาท แต่คงสถานะ Long SET50 index future เป็นวันที่ 7 ที่ 1,907 สัญญา (รวม 7 วันสูงกว่า 6.0 หมื่นสัญญา)
Investment theme
สหรัฐ-จีน ยังไม่มีท่าทีการเจรจา ในขณะที่ยุโรป, NAFTA มีสัญญาณดีขึ้น: เราประเมินว่าการปรับตัวลงของตลาดหุ้นทั่วโลกได้สะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปไม่มากก็น้อย ซึ่งล่าสุดเราเริ่มเห็นสัญญาณการเปิดทางเจรจาระหว่างสหรัฐ-ยุโรป-แคนาดา-แม็กซิโก ภายหลัง Trump ได้มีโอกาสพูดคุยกับประเทศเหล่านี้เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผานมา โดยใจความสำคัญระบุถึงการเลื่อนแผนการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์แลกกับการสั่งซื้อสินค้าจากสหรัฐโดยเฉพาะสินค้าเกษตกรที่สหรัฐกำลังเผชิญกับภาวะ Over supply ส่งผลให้ราคาสินค้าในประเทศปรับลดลง ภายหลังจีนขึ้นภาษีนำเข้า อย่างไรก็ตามยังไม่มีท่าทีการเจรจากับประเทศจีน อีกทั้งเตรียมขึ้นภาษีครั้งที่สองอีก 1.6 หมื่นล้านในสัปดาห์นี้ ในขณะที่ทั้ง 2 ประเทศ หันกระตุ้นการลงทุนในประเทศพร้อมออกมาตรการช่วยเหลือบริษัท, เกษตรกรในประเทศเพื่อบรรเทาผลกระทบ ภาพรวมเรามองเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และสะท้อนว่าอาจยังไม่มีการเจรจาในเร็ววันนี้ เป็นเหตุให้เราแนะนักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับประเด็นดังกล่าว เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อค่าเงินหยวน, ดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้น Emerging market และประเทศไทยโดยตรง
Investment Theme: ภายหลัง SET สามารถ Break กรอบแนวต้านสำคัญที่ 1,690 จุด เราประเมินกรอบการแกว่งตัวบริเวณ 1,690-1,720 จุด มี Sentiment ที่ดีจากการรายงานผลประกอบการธนาคารที่ดีกว่าคาด สะท้อนมุมมองบวกต่อการลงทุนในกลุ่ม Domestic นำโดย กลุ่มธนาคาร BBL, TISCO กลุ่มค้าปลีก BJC ก่อสร้าง (CK, STEC) พร้อมแนะลงทุนหุ้นที่คาดผลประกอบการ 2Q เด่น และมีปันผลระหว่างกาล พร้อมราคาที่ไม่แพงอย่าง PTTGC
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – สหรัฐรายงาน GDP ไตรมาส 2 สูงกว่า 4.1% สูงสุดในรอบเกือบ 4 ปี สนับสนุนจากการบริโภคในประเทศ และการเร่งการส่งออกสินค้าเกษตรไปจีนก่อนเผชิญภาษีในเดือน ก.ค. พร้อมปรับตัวเลข GDP ไตรมาสหนึ่งย้อนหลังขึ้นเป็น 2.2% (เดิม 2.0%), หุ้น FANG เผชิญแรงขาย
Stock pick : SF
SF : ทยอยสะสม 10.60 บาท/หุ้น
บริษัทรายงานผลประกอบการ 2Q18 เติบโตสูงกว่า 29%YoY, +7%QoQ ที่ 132 ล้านบาท จากส่วนแบ่งกำไรจาก Mega Bangna ส่วน Food Walk พร้อมปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ยประมาณ 5% พร้อมอัตราการเช่าเต็ม 100% ส่งผลให้กำไร 1H18 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 47% ของประมาณการกำไรทั้งปีที่ 1,184 ล้านบาท
คาดแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังดีต่อ จากการขยายโครงการนางลิ้นจี่ Phase2 พร้อมปรับปรุงและขยายพื้นที่ให้บริการโครงการสุขาภิบาล 3 โดยปัจจุบัน SF ซื้อขาย Pbv เพียง 1.5 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มอย่าง CPN 5.0x Plat 2.5x อยู่มาก แนะทยอยสะสม ราคา 10.60 บาท
Trading idea – กลุ่มธนาคารรายงานงบดีกว่าคาดแนะซื้อ BBL 246.0 บาท / เก็งกำไร STEC 25.0 บาท คาดครึ่งปีหลังเด่น / ทยอยสะสมBEM เป้าหมาย 9.0 บาท / สะสม PTTEP ราคา 140.0 บาท รายงานกำไรสุทธิดีกว่าเราคาด ในขณะที่แนวโน้ม Q3 คาดฟื้นตัวจากปริมาณขาย +8%QoQ
Technical View
หากยืน EMA200Day ได้ ลุ้นการฟื้นตัวต่อแบบ V-Shape: ดัชนีแกว่งตัว Sideway Up จากแรงซื้อหุ้นกลุ่ม Big Cap. หลากหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและธนาคาร ทำให้ดัชนีปิดยืนเหนือแนวต้านจิตวิทยาที่ 1700 ระยะสั้นมองว่าหากวันนี้ปิดยืนเหนือ 1707-1710 (EMA200Day) ได้ ระยะกลางถึงยาวจะลุ้นการฟื้นตัวต่อเนื่องแบบ V-Shape จึงยังมองว่าจังหวะอ่อนตัวระหว่างวันเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นตามแนวรับ
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : Let Profit Run โดยใช้จุด Lock Profit ที่ 1690 และพิจารณาแรงขายที่ 1707-1710 2) ไม่มีหุ้น : จังหวะอ่อนตัวระหว่างวัน หากไม่หลุด 1690 มองเป็นโอกาสสะสม ระยะกลางมองกรอบการ Trading 1690-1720
แนวรับ : 1680, 1690 แนวต้าน : 1710, 1720
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: FOMC 31-1ส.ค.
ปัจจัยในประเทศ: -
หุ้นเทคนิค:
PTT (B 50.00-51.00, Tp 53.00// 57.00, Cut 49.50)
ADVANC (B 197.00, Tp 205.00, Cut 195.00)
ข่าวเด่น