สภาวะตลาดวันที่ 31 กรกฎาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,217.70-1,223.36 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,300 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,350 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ18 อยู่ที่ 19,310 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 150 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,460 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.03 น. ของวันที่ 31/07/61)
แนวโน้มวันที่ 01 สิงหาคม 2561
การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ประจำวันที่ 31 ก.ค.-1 ส.ค. นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 1.75-2.00% ขณะที่พื้นฐานเศรษฐกิจของสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไปอีก 2 ครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้ แต่เสียงวิจารณ์จากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ไม่เห็นด้วยกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟด ซึ่งส่งผลกระทบให้สกุลเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจนสหรัฐเสียเปรียบด้านการแข่งขันทางการค้า ประกอบกับเจ้าหน้าที่เฟดบางท่านแสดงความวิตกกังวลที่เพิ่มขึ้นจากภาคธุรกิจในสหรัฐ เกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการเก็บภาษีนำเข้าของปธน.ทรัมป์ หลังคณะทำงานของปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอลูมิเนียมจากประเทศต่างๆรวมถึงจีน ซึ่งส่งผลให้เกิดการต่อต้านจากภาคธุรกิจภายในประเทศ และยังทำให้ประเทศคู่ค้าของสหรัฐออกมาตรการตอบโต้เช่นกัน ส่งผลให้นักลงทุนจับตาท่าทีของเฟด ที่จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดๆไป ซึ่งทองคำพยายามเคลื่อนไหวในกรอบเพื่อรอปัจจัยใหม่ๆเข้ามาชี้นำราคา แต่การขยับขึ้นของราคาค่อนข้างจำกัด เพราะดอลลาร์สหรัฐยังคงได้รับแรงหนุนจากถ้อยแถลงของประธานเฟด ที่ระบุถึงความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและการปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่การปรับตัวขึ้นของดอลลาร์ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับการดีดตัวขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวซึ่งสะท้อนถึงความวิตกของเทรดเดอร์สกุลเงินเกี่ยวกับคำกล่าวของปธน.ทรัมป์ ขณะที่ข้อมูลของคณะกรรมาธิการซื้อขายสัญญาล่วงหน้าสินค้าโภคภัณฑ์ (CFTC) แสดงว่า กองทุนเฮดจ์และผู้จัดการกองทุนเพิ่มการขายสัญญาทอง COMEX สุทธิสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2006 ในสัปดาห์ที่สิ้นสุดในวันที่ 24 ก.ค. ราคาทองคำจึงเคลื่อนไหวในกรอบ เมื่อราคาทองคำปรับตัวขึ้น ยังคงมีแรงขายออกมา แนะนำนักลงทุนให้รอจังหวะซื้อ เมื่อราคาทองคำไหลลงสู่แนวรับสำคัญ น่าจะเป็นกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ
กลยุทธ์การลงทุน วายแอลจีแนะนำนักลงทุนสามารถลงทุนระยะสั้น โดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,215-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไม่แนะนำให้เข้าซื้อทั้งหมดบริเวณแนวรับใดแนวรับหนึ่ง ควรเหลือเงินทุนเพื่อซื้อเฉลี่ยหากราคาหลุดแนวรับแรกซึ่งราคาจะปรับตัวลงไปบริเวณแนวรับถัดไปในโซน 1,200-1,193 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวขึ้นบริเวณแนวต้าน 1,235-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่สามารถผ่านไปได้อาจเห็นการย่อตัวของราคาทองคำอีกครั้ง เบื้องต้นวายแอลจียังมองว่าการลงทุนยังเน้นการลงทุนระยะสั้น เพราะแม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นได้บ้าง ก็ยังคงมีแรงขายทองคำออกมาเช่นกัน
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,211 (19,050บาท) 1,200 (18,850บาท) 1,193 (18,750บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,450บาท) 1,248 (19,650บาท) 1,259 (19,800บาท)
GOLD FUTURES (GFQ18)
แนวรับ 1,211 (19,180บาท) 1,200 (19,010บาท) 1,193 (18,900บาท)
แนวต้าน 1,237 (19,600บาท) 1,248 (19,770บาท) 1,259 (19,950บาท)
ข่าวเด่น