กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Laggard Play//Short-term Sell into Strength
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแรงกว่าที่เราประเมิน สามารถปิดบวกถึงกว่า 20 จุดและทะลุระดับ 1,720 จุดขึ้นมาได้ โดยมีแรงซื้อเข้ามาหนาแน่นในหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มพลังงาน สถาบันในประเทศยังซื้อศุทธิหนานแน่นอีก 3.9 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเช่นกันอีก 1.1 พันลบ. (และยัง Net Long ใน Index Futures อีกราว 7.3 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index จะแกว่งตัว Sideways หลังจากดีดตัวขึ้นแรงวานนี้และยังต้องติดตามประเด็นสงครามการค้าหลังสหรัฐฯอาจเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญเป็น 25% จากเดิม 10% รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ปรับลง 2 วันติดต่อกันกว่า 3% กดดันกลุ่มพลังงาน ซึ่งจำกัด Upside ของดัชนี อย่างไรก็ตาม Downside ในระยะนี้คาดว่าจะถูกจำกัดเช่นกันจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสังเกตจากค่าเงินบาทที่แข็ง เราจึงมองว่าหุ้นที่ Laggard น่าจะเคลื่อนไหว Outperform ตลาด ขณะที่การดีดขึ้นของดัชนีระยะนี้เรายังมองเป็นจังหวะขายทำกำไรลดพอร์ดระยะสั้นบางส่วน
กลยุทธ์ : เก็งกำไรงบ 2Q18 และยัง Laggard //ขายทำกำไรระยะสั้นบางส่วนช่วงตลาดดีดขึ้น
หุ้นเด่นเดือนส.ค. : BJC, BKD, INTUCH, RS, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$271ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$164ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$35ล้าน ขณะที่ไหลออกจากเวียดนาม US$10ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลอออกจากภูมิภาคหลัง Fed ส่งสัญญาณจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.นี้
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> INTUCH <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 67.50 บาท
- กำไร 2Q18 ของ ADVANC ที่คาดว่าจะออกมาดี +2% Q-Q, +15.5% Y-Y เป็น 8,319 ลบ. (งบออกวันนี้) ย่อมเป็นบวกต่อ INTUCH โดยตรง โดยเราคาดกำไรปกติทั้งปีนี้ที่ 12,633 ลบ. +5.4% Y-Y พลิกมาโตครั้งแรกในรอบ 3 ปี
- ราคาหุ้น Discount จาก NAV ของ ADVANC ถึง 25% และให้ปันผลสูงเฉลี่ย 5% ต่อปี
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) เศรษฐกิจโลกเริ่มส่งสัญญาณชะลอ นอกจากสหรัฐที่รายงาน GDP ที่แข็งแกร่งใน 2Q18 แล้ว เศรษฐกิจยูโรโซน +0.3% Q-Q ลดลจาก 1Q18 ที่ +0.4% Q-Q จีน +6.7% Y-Y ลดลงจาก 1Q18 ที่ +6.8% Y-Y นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ก.ค. ของสหรัฐ จีน อังกฤษ อิตาลี สเปน ร่วงต่ำสุดในรอบหลายเดือน ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอต่อเนื่องใน 3Q18 ขณะเดียวกันสภาพคล่องโลกมีแนวโน้มลดลง เป็นลบต่อหุ้นในตลาดเกิดใหม่และโภคภัณฑ์
(-) ราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลง จากการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐฯที่เพิ่มขึ้น 3.8 ล้านบาร์เรล สวนทางตลาดที่คาดว่าจะลดลง 2.8 ล้านบาร์เรล และการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกที่เพิ่มขึ้นมากสุดตั้งแต่ต้นปี รวมถึง รัสเซียก็ผลิตเพิ่มต่อเนื่องจนแตะระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี ถือเป็นปัจจัยลบต่อกลุ่มพลังงานวันนี้
(-) THCOM ประกาศกำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 251 ลบ. -86.5% Q-Q, +16.2% Y-Y แต่หากตัดรายการกำไรพิเศษจากการขาย CSL ใน 1Q18 และกำไร (ขาดทุน) จากอัตราแลกเปลี่ยนออก กำไรปกติจะอยู่ที่ 192 ลบ. พลิกจากขาดทุน 24 ลบ.ใน 1Q18 แต่ยัง -3.7% Y-Y ซึ่งไม่ดีนักเพราะรายได้ยังคงหดตัวแรง 6.7% Y-Y จากดาวเทียม Broadcast ที่แม้จะมีอัตราการใช้งานเพิ่มขึ้นแต่ชดเชยไม่ได้กับราคาที่ลดลงมากตามภาวะอุตสาหกรรมที่แย่ ขณะที่ต้นทุนที่ลดลงหลักๆเกิดจากค่าเสื่อมราคาของ IPSTAR ที่หายไปหลังตั้งด้อยค่ากว่า 3 พันลบ.ใน 4Q17 แม้เรายังคงราคาเหมาะสมที่ 11 บาท (จะปรับลงหากปรับใช้เป็นปี 2019) แต่เนื่องจากยังไม่เห็นพัฒนาการของธุรกิจใหม่อย่างชัดเจน จึงยังไม่เห็นความน่าสนใจในการเข้าลงทุน
(+) EPG แนวโน้มกำไร 1Q19 (เม.ย.-มิ.ย. 2018) ฟื้นตัวต่อเนื่องทั้ง 3 ธุรกิจ เราคาดกำไรปกติ 300 ล้านบาท +10% Q-Q, +1% Y-Y โดย Aeroklas (ชิ้นส่วนยานยนต์) มียอดขายเติบโตดีทั้งในและต่างประเทศ และได้ Flexiglass เข้ามาช่วยหนุนเต็มไตรมาส ส่วน Aeroflex (ฉนวนยาง) สามารถปรับราคาขายขึ้นสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้นได้ และธุรกิจ EPP (บรรจุภัณฑ์พลาสติก) ที่แม้จะฟื้นช้าเพราะต้องพึ่งพากำลังซื้อในต่างจังหวัด แต่การแข่งขันด้านราคาที่บรรเทาลงก็ทำให้อัตรากำไรดีขึ้น เราคงราคาเป้าหมายที่ 12 บาท แนะนำ ซื้อ
(+) ATP30 คาดกำไร 2Q18 อยู่ที่ 9.8 ลบ. โตแกร่ง 81% Y-Y จากการรับรู้รายได้จากลูกค้าใหม่เต็มไตรมาส แต่ลดลง 7% Q-Q จาก Low Season และราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ทำให้คาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับลดเป็น 26.7% จาก 27.5% ใน 1Q18 คงคาดกำไรปี 2018 +54% Y-Y อยู่ที่ 40 ลบ. และคงคำแนะนำซื้อ ในฐานะ Growth Stock และรับประโยชน์โดยตรงจาก EEC ราคาเป้าหมาย 2.30
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
2 ส.ค.
|
- อังกฤษ: ประชุม BOE
|
3 ส.ค.
|
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (ก.ค.), ดุลการค้า (มิ.ย.)
|
6 ส.ค.
|
- อินโดนีเซีย: 2Q18 GDP ตลาดคาด +5.2% Y-Y
|
8 ส.ค.
|
- จีน: ดุลการค้า (ก.ค.) ตลาดคาดยอดส่งออก +10% Y-Y
- ฟิลิปปินส์: ดุลการค้า (มิ.ย.)
|
(0) ตลาดสหรัฐปรับตัวผสมผสาน จากประเด็นที่ FED จะขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ก.ย. อย่างไรก็ตาม หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีช่วยพยุงตลาดหลังผลประกอบการของ Apple ออกมาสูงกว่าที่คาด
(-) ตลาดยุโรปปิดในแดนลบ หลังปธ.ทรัมป์มีแผนจะปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 25%
(-) ภาพรวมตลาดเอเชียปรับตัวลง หลังสหรัฐกำลังพิจารณาที่จะขึ้นภาษีสินค้าจำนวน US$200,000 ล้านจากจีนเป็น 25% จากเดิมที่เคยคาดไว้ที่ 10% ทำให้ความกังวลยังคงเพิ่มขึ้นแม้ว่าทางการจีนจะเริ่มใช้มาตราการกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้นก็ตาม
(+) ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินบาท ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 1.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 67.66 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวขึ้น สวนทางกับนักวิเคราะห์คาด และปริมาณการผลิตของกลุ่ม OPEC ที่ยังปรับตัวขึ้น
(0) ค่าการกลั่นสิงคโปร์เปลี่ยนแปลง -- ดอลลาร์ มาอยู่ที่ -- ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 6.00 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1227.60 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น