คำแนะนำ
การแกว่งตัวของราคาทองคำค่อนข้างจำกัด ทั้งนี้ หากยังไม่สามารถยืนเหนือ 1,235-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้อย่างแข็งแกร่ง ราคาทองคำจะถูกแรงขายกดดันเป็นระยะ โดยเน้นลดพอร์ตการลงทุนเพื่อรอดูทิศทางให้ชัดเจนมากกว่านี้
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,211 1,200 1,193
แนวต้าน 1,237 1,248 1,259
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัว 7.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ในช่วงแรกราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นขานรับการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนจาก ADP ที่เพิ่มขึ้นเกินคาดที่ 219,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. ก่อนที่ดอลลาร์จะแข็งค่าต่อหลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด ส่วน FOMC Statement ระบุถึงเศรษฐกิจสหรัฐที่แข็งแกร่ง ซึ่งบ่งชี้ถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนก.ย. นอกจากนี้ข้อพิพาททางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ยังดำเนินต่อไปหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สั่งการให้นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) พิจารณาปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนสู่ระดับ 25% คิดเป็นวงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์เป็นอีกปัจจัยที่หนุนดอลลาร์อีกด้วย สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,215 ดอลลาร์ต่อออนซ์และเคลื่อนไหวไม่ไกลจากจุดดังกล่าวในช่วงเช้าวันนี้ ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง -3.24 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี)คาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากราคาทองคำปรับตัวลงมาพอเข้าใกล้โซนแนวรับ 1,215-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก็มีแรงดีดกลับสั้นๆ เบื้องต้นอาจต้องระวังแรงขายกลับลงมาอีกครั้งหากราคายังไม่มีแรงซื้อมากพอหรือมีปัจจัยใหม่มาดันราคาขึ้น โดยประเมินแนวต้านที่ 1,235-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
ถือสถานะซื้อหากราคาย่อตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,215-1,211 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือหากรับความเสี่ยงได้อาจเปิดสถานะขายหากราคาไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,235-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อรอทยอยปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ
ข่าวเด่น