คำแนะนำ
หากรับความเสี่ยงได้ไม่มากอาจเลือกชะลอเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคา แต่หากรับความเสี่ยงได้อาจรอเปิดสถานะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,200 1,193 1,186
แนวต้าน 1,222 1,237 1,248
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 8.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังได้รับปัจจัยกดดันสำคัญ ได้แก่ การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ท่ามกลางการคาดการณ์ในวงกว้างว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะยังคงจุดยืนในการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 2 ครั้งในปีนี้ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นในการประชุมเดือนก.ย.และธ.ค. นอกจากนี้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้งเป็นอีกประเด็นที่กระตุ้นแรงซื้อดอลลาร์ หลังจากวานนี้จีนออกแถลงการณ์ขู่จะตอบโต้ หากสหรัฐเรียกเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ ประกอบกับกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 1,000 ราย สู่ระดับ 218,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 220,000 ราย ประเด็นที่กล่าวมาข้างต้นกดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีบริเวณ 1,206.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงาน ทั้งรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง, ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน รวมไปถึงตัวเลขดุลการค้าเดือนและดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
หากทองคำยังคงพยายามกลับขึ้นไปทดสอบและยืนเหนือโซน 1,222 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ มีแนวโน้มขึ้นทดสอบ 1,235-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นได้ จะเกิดแรงขายออกมาเป็นระยะ โดยแนวรับสำคัญจะอยู่บริเวณ 1,200-1,193 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นการลงทุนระยะสั้นโดยเปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,200 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจทยอยแบ่งทองคำออกขายบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,222 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ผ่านได้สามารถถือต่อเพื่อรอขายที่ 1,235-1,237 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น