Market summary
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยมีแรงซื้อในกลุ่มโรงกลั่นอย่าง BCP, TOP, IRPC และโรงไฟฟ้า BGRIM, BPP, BCPG และกลุ่มวัสดุก่อสร้างตัวเล็กอย่าง DCC, COTTO อย่างไรก็ตาม BEAUTY ยังคงเผชิญกับแรงขายต่อเนื่องคาดส่วนหนึ่งเป็นผลจาก ผลประกอบการ Q2 ที่คาดอ่อนตัว ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,712.0 จุด (+3.8 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 4.7 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 5.3 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันที่ 560 ล้านบาท แต่ยังคงเปิดสถานะ Short SET50 index future เป็นวันที่ 2 ที่ 3,284 สัญญา
Investment theme
สงครามการค้ายังประเมินผลกระทบลำบาก ส่งผลให้สัปดาห์นี้คาด SET แกว่งตามการรายงานงบ Q2 : ภายหลังสหรัฐระบุเตรียมพิจารณาเพิ่มวงเงินภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศจีนเป็น 2.0 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ล่าสุดจีนได้ออกมาขู่ในลักษณะคล้ายกันเป็นวงเงิน 6.0 หมื่นล้านเหรียญด้วยภาษีประมาณ 5-25% อย่างไรก็ตาม จีนระบุจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มขึ้นภาษีรอบที่ 2 ก่อน เพื่อรอดูการทำประชาพิจารณ์สหรัฐในช่วงปลายเดือนนี้ โดยสัปดาห์นี้ เรามองว่าประเด็นดังกล่าว ยังเป็นปัจจัยกดดัน Upside ของตลาดหุ้น ในขณะที่อีกหนึ่งปัจจัยกดดันการลงทุนหุ้นในภูมิภาคใน 1-2 เดือนที่ผ่านมา อย่างการอ่อนค่าของค่าเงินหยวน เริ่มบรรเทาลงภายหลังเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ธนาคารกลางจีน (PBoC) ประกาศเพิ่ม Reserve Requirement Ratio (RRR) ในการเก็งกำไร FX Forward contract 20% กล่าวคือในระยะสั้นอาจทำให้การ Short ค่าเงินหยวนแพงขึ้น (มาตรการดังกล่าวเคยใช้แล้วในปี 2015 ที่ผ่านมา) ถือเป็นบวกอ้อมๆ ต่อการลงทุนในระยะสั้น
Investment Theme: สัปดาห์นี้เราประเมินกรอบ SET บริเวณ 1,705-1,720 จุด และหาก SET ปิดต่ำกว่า 1,700 จุด ในระยะสั้นมีโอกาสเข้าสู่ช่วงการพักฐาน โดยเราคงคำแนะนำถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% และทยอยสะสมหุ้น Domestic อย่างกลุ่มธนาคาร BBL, กลุ่มก่อสร้าง STEC, CK และกลุ่มรถไฟฟ้าและโรงไฟฟ้าที่มีลักษณะ Defensive อย่าง BEM, TPIPP และเก็งกำไรบริษัทที่คาดผลประกอบการ Q2 เด่นอย่าง PTTGC, CPF
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – LH แจ้งตลาดผู้ถือหุ้นใหญ่ คุณอนันต์ ขอยกเลิกทำคำเสนอซื้อหุ้น Voluntary partial tender offer / อินเดียเตรียมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเดือนกันยายน / ยุโรปรายงาย PMI ภาคบริการเดือน มิ.ย.ต่ำกว่าคาดที่ 54.2
Stock pick : -
แนะนำสะสม 4 หุ้นเด่น ที่คาดผลการดำเนินงานผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงครึ่งปีแรก และกำไรจะเร่งตัวขึ้นเด่นชัดในช่วงครึ่งหลังของปี อีกทั้งยังเป็นหุ้นที่มีอัตราการจ่ายปันผลในระดับที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดการลงทุนมากยิ่งขึ้น แนะนำ 4 หุ้นเด่น ดังนี้
SCC : ความต้องการปูนซีเมนต์ฟื้นตัว + ความต้องการปิโตรเคมีเร่งตัวขึ้น
BCP : ฟื้นตัวหลังจากปิดซ่อมบำรุง 2Q18 + เตรียมนำ บ.ลูก เข้าตลาด
KBANK : คาดได้อานิสงส์บวกจากดอกเบี้ยขาขึ้น + เป้าหมายต่างชาติ
SYNEX : เข้าสู่ช่วง High Season + รุกธุรกิจบริการ margin สูง
Trading idea – สัปดาห์ (6- 15 ส.ค.) ของการรายงานผลประกอบการ Q2 เราแนะเก็งกำไร IRPC ราคา 7.60 บาท ล่าสุดราคา Break เส้น200วัน / BEM คาดงบ Core profit ทรงตัว แต่ Net เติบโตเด่น และเติบโตดีในช่วง Q3 แนะซื้อราคาเหมาะสม 9.0 บาท / CPF 31.10 บาท /ระมัดระวังแรงขาย STANLY
Technical View
แกว่งพักตัวในกรอบ 1700-1720: ดัชนีแกว่งตัว Sideway ในกรอบ แรงซื้อในกลุ่มธนาคารและพลังงานยังคงโดดเด่น ทำให้ยังประคองตัวยืนเหนือเส้น EMA200Day ที่ 1706 ได้ ระยะสั้นเรามองดัชนีจะแกว่งพักตัวในกรอบ 1700-1720 และยังคงคาดหวังการปรับตัวขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านระยะกลางที่ 1750 ฉะนั้นจังหวะอ่อนตัวยังมองเป็นโอกาสสะสมตามแนวรับ (แต่หากหลุด 1700 แนะนำ Lock Profit ในขาขึ้นรอบนี้) กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : Trading ในกรอบ 1706-1720 หาก Break 1720 แนะนำ Let Profit Run แต่หากหลุด 1700 แนะนำ Lock Profit 2) ไม่มีหุ้น : จังหวะอ่อนตัวระหว่างวัน หากไม่หลุด 1700 มองเป็นโอกาส Trading 1700-1720
แนวรับ : 1700, 1706 แนวต้าน : 1720, 1735
Keep and eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: 8 ส.ค. จีนรายงานตัวเลขส่งออก-นำเข้า, เงินเฟ้อ / 10 ส.ค. สหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยในประเทศ: : สัปดาห์แห่งการรายงานผลประกอบการ
หุ้นเทคนิค:
KBANK (B 210.00-213.00, Tp 220.00//225.00, Cut 207.00)
PTTEP (B 138.50, Tp 145.00, Cut 136.00)
ข่าวเด่น