“ Selective Buy ” 

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ดีดตัวขึ้น +3.81 จุด (+0.22%) ปิดที่ 1,712 จุด มูลค่าการซื้อขาย 47,568 ล้านบาท จากแรงซื้อกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบดีดตัวขึ้น ประกอบกับแรงซื้อดักผลประกอบการ 2Q18 ที่กำลังทยอยประกาศจนถึงกลางเดือนนี้ อย่างไรก็ตามแรงกดดันความกังวล Trade war ยังคงถ่วงดัชนีให้รีบาวด์ขึ้นเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติยังเป็นฝั่งซื้อสุทธิห้าวันติดต่อกันอีก 560 ล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,302 ล้านบาท และ Net Short TFEX 3,284 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : เรามีมุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,705 – 1,720 จุด โดยความกังวล Trade war ที่ยืดเยื้อยังเป็นปัจจัยหลักที่กดดันทิศทางตลาด ซึ่งล่าสุดจีนขู่จะตอบโต้เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐ 6 หมื่นล้านดอลลาร์หากสหรัฐเก็บภาษี 25% ต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลล่าร์ อย่างไรก็ตามกระแสการซื้อเก็งกำไรดักผลประกอบการและเงินปันผล 2Q18 ที่กำลังทยอยประกาศจนถึงกลางเดือนนี้ รวมถึง sentiment เชิงบวกจาก Fund Flow ต่างชาติในตลาด Emerging market ยังคงไหลเข้าต่อเนื่องในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเป็น Net Buy ในตลาดหุ้นไทยราว 6.2 พันลบ. ซึ่งเป็นแรงหนุนต่อทิศทางการลงทุนในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
  กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q18 เติบโต  IVL, BANPU, BEM, BCH, GCAP, RS, SVI และ EPG
  BANPU ราคาถ่านหินดีดตัวขึ้นล่าสุด 117.4 US/Ton และคาดกำไร 2Q18 แข็งแกร่ง
  กลุ่มธนาคาร (BBL , KKP) ได้ประโยชน์จากทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นในครึ่งปีหลัง

หุ้นแนะนำวันนี้ : KTC (ปิด 28.75 ซื้อ/เป้า 34) เก็งกำไรกระแสข่าวลดการตั้งสำรองหนี้ NPL หลังจากที่ KTC ตั้งสำรองเผื่อไว้สูงถึง 6 เท่ามากสุดของอุตสาหกรรมซึ่งผลจากการทยอยลดการตั้งสำรองดังกล่าวจะทำให้ KTC มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น, EPG (ปิด 8.6 ซื้อ/เป้า 9) คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว เบื้องต้นคาดงบ 1Q19 (เม.ย-มิ.ย) จะมีกำไรสุทธิประมาณ 289 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25%qoq และ 1%yoy จากการฟื้นตัวในทุกธุรกิจ, KKP (ปิด 74.75 ซื้อ/เป้า 85) ทยอยซื้อ หรือ เก็งกำไรก่อนประกาศจ่ายปันผลครึ่งปี เบื้องต้นคาด KKP จะจ่ายปันผลในช่วงครึ่งปีแรกประมาณ 2 บาท ให้ Dividend yield ประมาณ 2.6% คาดจะประกาศจ่ายปันผลในช่วงปลายปีนี้

Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH

KSS report วันนี้ : HMPRO (ปิด 14.4 ถือ/เป้าใหม่ 15.3 จาก 14), PTT (ปิด 51.75 ถือ/เป้าใหม่ 50 จาก 47.6), WORK (ปิด 43.75 ถือ/เป้า 38)

ประเด็นสำคัญวันนี้ :                   
  (+)  ดาวโจนส์บวก 136 จุด ตอบรับผลประกอบการที่สดใสของบริษัทจดทะเบียน และมองข้ามสงครามการค้าหลังจีนตอบโต้ทางภาษีด้วยมูลค่าที่น้อยกว่า : ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 136 จุด ปิดที่ 25,463 จุด ตอบรับผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยล่าสุดมีรายงานว่าบริษัทจดทะเบียนในเอสแอนพี500 ที่ประกาศผลการดำเนินงานแล้วกว่า 406 บริษัทพบว่า 78.6% รายงานผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดไว้ ส่วนปัจจัยด้านสงครามการค้าแม้ล่าสุดจีนจะประกาศตอบโตสหรัฐแต่ตลาดไม่ให้ความสำคัญมากนัก เนื่องจากมูลค่าที่จีนจะเรียกเก็บภาษีจากสินค้านำเข้าจากสหรัฐคิดเป็นวงเงินเพียง 6 หมื่นล้านดอลลาร์ น้อยกว่าที่สหรัฐเรียกเก็บจากจีนที่ 200,000 ล้านดอลลาร์
  (-) ราคาน้ํามันดิบลดลงเล็กน้อย นักลงทุนยังกังวลการผลิตที่เพิ่มขึ้นของซาอุฯ และ รัสเซีย : ตลาดน้ำมันในช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมายังไม่มีปัจจัยบวกลบใหม่ที่ชัดเจน นักลงทุนยังคงวิตกกังวลต่อภาวะอุปทานที่เพิ่มขึ้น หลังจากกลุ่มประเทศในตะวันออกกลางและรัสเซียเร่งผลิตน้ำมันดิบ เพื่อชดเชยการผลิตและส่งออกที่ลดลงของอิหร่าน หากถูกสหรัฐคว่ำบาตรรอบใหม่ โดยล่าสุดมีรายงานว่ากลุ่มโอเปกมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 70,000 บาร์เรล/วัน เป็น 32.64 ล้านบาร์เรล/วัน สูงสุดในปีนี้ ขณะที่รัสเซียคาดว่าในปีนี้จะสามารถผลิตน้ำมันได้สูงถึง 11.02 ล้านบาร์เรล/วัน สูงสุดในรอบ 30 ปี ส่งผลให้ปิดตลาดราคาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 47 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 68.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
  (+)โค้งสุดท้ายประกาศงบ (6-15 ส.ค.) ระวังแรงขาย Sell on fact หลังราคาหุ้นฟื้นตัวสะท้อนผลประกอบการที่แข็งแกร่งไปบ้างแล้ว : 6-15 ส.ค.จะเป็นโค้งสุดท้ายของการประกาศงบ 2Q18 ซึ่งจะมีทั้งแรงเก็งกำไรผลประกอบการและแรงขาย sell on fact หลังประกาศงบ อย่างไรก็ตามด้วยดัชนีที่ฟื้นตัวขึ้นมากว่า 100 จุด ในเดือน ก.ค. หรือเพิ่มขึ้นกว่า 6.7% ได้สะท้อนผลประกอบการที่สดใสของหลายบริษัทไปแล้ว ดังนั้นในช่วงโค้งสุดท้ายของการประกาศงบเราจึงเตือนให้นักลงทุนระวังแรงขายจาก sell on fact มากกว่า