กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Laggard Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวบวกขึ้นได้ดีกว่าที่เราคาดและปิดทดสอบบริเวณ High เดิม 1,722 จุดอีกครั้ง โดยมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว สถาบันในประเทศพลิกมาซื้อสุทธิ 1.8 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องและหนาแน่นขึ้นเป็น 2.9 พันลบ. (และยัง Net Long ใน Index Futures 5.7 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index มีแนวโน้มแกว่งพักตัวหลังจากที่ดีดตัวขึ้นค่อนข้างดีในช่วง 2 วันก่อนหน้า โดยกลุ่มพลังงานวันนี้คาดว่าจะถ่วงตลาดหลังราคาน้ำมันดิบร่วงลงกว่า 3% หลังจีนตอบโตสหรัฐฯโดยจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้า 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านเหรียญเช่นกัน ขณะที่ช่วงนี้ยังต้องติดตามการประกาศผลประกอบการ 2Q18 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งหากไม่ได้ออกมาดีกว่าคาดอย่างมีนัยยะเรายังมองว่าดัชนีมีโอกาสถูก Sell on Fact ระยะสั้นหลังปรับตัวขึ้นแรงในช่วงกว่าหนึ่งเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามกรอบการลบของดัชนีคาดว่าถูกจำกัดเช่นกันจากกระแสเงินทุนที่ยังอยู่ในทิศทางไหลเข้า
กลยุทธ์ : เก็งกำไรงบ 2Q18 และยัง Laggard //สะสมหุ้นพื้นฐานคืนในช่วงตลาดพักตัว
หุ้นเด่นเดือนส.ค. : BJC, BKD, INTUCH, RS, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น US$630ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$310ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$87ล้าน ขณะที่ไหลออกอินโดนีเซีย US$34ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังจีนตอบโต้สหรัฐแรงขึ้นต่อกรณีสงครามการค้า
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ERW <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
- กำไรปกติ 2Q18 มีโอกาสที่จะสูงกว่าคาดการณ์ของเราที่ 40 ลบ. -86.2% Q-Q, 31.2% Y-Y หลัง MINT ประกาศกำไรออกมาดีกว่าคาดและธุรกิจโรงแรมค่อนข้างแข็งแกร่ง
- โมเมนตัมของกำไรจะดีขึ้นใน 2H18 โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ซึ่งเข้า High Season อีกครั้งจากนักท่องเที่ยวคาดว่าจะมาเติบโตในอัตราเร่งและโรงแรม JW Marriott จะกลับมาให้บริการได้ตามปกติ
- ราคาหุ้น ERW -15.5% YTD ยัง Laggard ดัชนีกลุ่มท่องเที่ยวและ SET ที่ -12.7% YTD และ -1.8% YTD ตามลำดับ จึงคาดว่ามีโอกาส Outperform
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) กลุ่มธนาคาร กนง.ส่งสัญญาณความพร้อมของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะต่อไป ถ้าพิจารณาจากส่วนผสมของสินเชื่อ ธนาคารที่มีส่วนผสมของสินเชื่อธุรกิจและ SME จะได้รับอานิสงส์ของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยขึ้น เนื่องจากเป็นสินเชื่อที่อิงกับอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ซึ่งได้แก่ BBL, TMB และ KBANK ส่วน SCB และ KTB เป็นธนาคารที่มีสัดส่วนสินเชื่อที่อยู่อาศัยสูงสุดและเป็นสินเชื่อที่ได้ปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นก่อน เราคาดว่าน่าจะเป็นบวกเพียงระยะสั้น เราคงคำแนะนำ Neutral สำหรับกลุ่มธนาคาร แต่มี Positive view ต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น คงแนะนำ Top Pick เป็น TISCO (TP 98 บาท) แม้จะไม่ได้รับประโยชน์จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยลอยตัว แต่คาดกำไร 2H18 จะกลับมาดีเป็นปกติ และแนะนำเก็งกำไร KBANK (TP 235 บาท) , BBL (TP 232 บาท) เพราะจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(0) MAKRO กำไรสุทธิ 2Q18 เท่ากับ 1,113 ลบ. (-31.6% Q-Q, -9.4% Y-Y) ต่ำกว่าคาดที่ 1,272 ลบ.เพราะเจอราคาเนื้อสัตว์ปรับลงและค่าใช้จ่ายเปิดสาขาใหม่ แต่แนวโน้มกำไรน่าจะกลับมาฟื้นตัวใน 3Q18 ตามฤดูกาลของ MAKRO บวกกับราคาเนื้อสัตว์กลับมาปรับขึ้นแทบทุกรายการทั้งหมูและไก่ และคาดกำไรยังโตต่อใน 4Q18 แม้จะต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายเปิดสาขาต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม กำไรที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้เราปรับราคาเป้าหมายปีนี้ลงเหลือ 36 บาท จาก 42 บาท ขณะเดียวกัน อาจทำให้กำไร 2Q18 ของ CPALL ออกมาต่ำกว่าคาดราว 3% เป็น 5.1 พันลบ. ซึ่งจะประกาศงบวันนี้ แนะนำรอดูตัวเลขกำไรให้ชัดเจนก่อน
(+) MINT กำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 1,205 ลบ. -29.9% Q-Q, +63.6% Y-Y หากตัดรายการกำไรจากการซื้อเบนิฮานาในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม 121 ลบ. และเงินปันผลรับจาก NH Hotel (หลังค่าใช้จ่ายและภาษี) จำนวน 215 ลบ. กำไรปกติ 2Q18 อยู่ที่ 869 ลบ. -49.4% Q-Q, +18% Y-Y ดีกว่าที่เราคาด 14% กำไรปกติ 1H18 คิดเป็น 42% ของประมาณการกำไรทั้งปี 2018 ที่ 6,126 ลบ. +13.1% Y-Y และปกติกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรกเล็กน้อย เราจึงยังคงประมาณการเดิม แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 44 บาท (ยังไม่รวม NH Hotel)
(0) RS กำไรสุทธิ 2Q18 ที่ 172 ลบ. +68.8% Q-Q, +230.7% Y-Y มากกว่าเราและตลาดคาด แต่หากไม่รวมกำไรจากการปรับเงื่อนไขการชำระค่าใบอนุญาตทีวี 76 ลบ. จะมีกำไรปกติ 96 ลบ. -9.9% Q-Q แต่ +69.0% Y-Y ต่ำกว่าคาดของเราและตลาดที่ 110-140 ลบ. จากรายได้ขาย H&B ถูกกระทบจากกรณีอ.ย.มากกว่าคาด อย่างไรก็ตาม เรายังคงคาดหวังการเร่งตัวขึ้นในครึ่งปีหลัง แนะนำซื้ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 23 บาท
(+) IT กำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 26 ลบ. (+38% Q-Q, +25% Y-Y) ดีสุดในรอบ 24 ไตรมาส และดีกว่าคาดของเราที่ 24 ลบ. เป็นการโตทั้ง Q-Q และ Y-Y ไตรมาสที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนว่า IT ผ่านพ้นช่วง Turnaround และกำลังขยับเข้า Growth Stage แนวโน้ม 2H18 ยังโตแรงจากกระแสเกมมิ่งและการเร่งขยายสาขาอีกกว่า 50 แห่ง ประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีนี้ของเราที่ 84 ลบ. +33% Y-Y มีโอกาสถูกปรับขึ้น โดยกำไรสุทธิ 1H18 คิดเป็น 52% ของประมาณการทั้งปี แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 6.90 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
9 ส.ค.
|
- จีน: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
- ฟิลิปปินส์: 2Q18 GDP ตลาดคาด 6.8% Y-Y
|
10 ส.ค.
|
- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2Q18 GDP ตลาดคาด+1.4% Y-Y
|
14 ส.ค.
|
- ยูโรโซน: 2Q18 GDP ตลาดคาด +2.1% Y-Y
|
15 ส.ค.
|
- อินโดนีเซีย: ดุลการค้า (ก.ค.)
|
(-) ภาพรวมตลาดสหรัฐปรับตัวลดลง จากการลดลงของหุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงแรง รวมไปถึงความกังวลเรื่องสงครามทางการค้าหลังจีนออกมาตราการตอบโต้สหรัฐ
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลงลงเมื่อวานนี้หลังจากทางการจีนออกมาตราการเก็บภาษีสินค้านำเข้า 25% เพื่อตอบโต้สหรัฐ อย่างไรก็ตามค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลงแรงช่วยทำให้ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวขึ้นสวนทางกับตลาดอื่น
(-) โดยรวมแล้วตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง หลังจีนเรียกเก็บภาษี 25% บนสินค้านำเข้าจากสหรัฐเพิ่มอีก US$16,000 ล้าน ซึ่งเพิ่มความกังวลให้ตลาดที่ว่าทั้งสองฝ่ายยังไม่มีทีท่าว่าจะยอมกัน
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดปรับตัวลงมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.10-33.20 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ร่วงลง 2.23 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 66.94 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังตลาดกังวลเรื่องการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในอนาคตที่อาจลดลง จากทั้งการเรียกเก็บภาษี25%บนน้ำมันดิบสหรัฐและตัวเลขส่งออกน้ำมันดิบเดือนก.ค.ของสหรัฐที่ลดลง
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 0.33 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 6.92 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 2.70 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1221.00 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น