Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมาปรับขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,720 จุดอีกครั้ง โดยมีแรงซื้อเด่นในกลุ่ม ICT นำโดย DTAC, TRUE, ADVANC และโรงพยาบาล BDMS, BCH, CHG กลุ่มอสังหาอย่าง LH, QH, ANAN อย่างไรก็ตาม กลุ่ม Defensive อย่างรถไฟฟ้า BTS, BEM เผชิญกับแรงขายทำกำไร ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,721.6 จุด (+14.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.3 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 4.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันที่ 2,901 ล้านบาท (นักลงทุนสถาบันซื้อ 1,829 ล้านบาท ) และเปิดสถานะ Long SET50 index future เป็นวันที่ 2 ที่ 5,650 สัญญา
Investment theme
3-4 กลุ่มสลับกันผลักดัน SET เป็นสัญญาณที่ดี หากนับตั้งแต่การประมูลคลื่นครั้งล่าสุด กลุ่มสื่อสารถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ Laggard และ Underowned คล้ายกลุ่มธนาคารสาเหตุจากต้นทุนการลงทุนที่สูง โดยเมื่อวานที่ผ่านมาTRUE ประกาศไม่เข้าร่วมประมูลทั้ง 2 คลื่น (900 และ 1800Mhz) ในขณะที่ DTAC และ ADVANC เข้าร่วมประมูลเพียงคลื่น 1800Mhz เรามีมุมมองเชิงบวกกับผลลัพธ์การยื่นซองในครั้งนี้ โดยมองว่าทั้งบริษัทมีบทเรียนจากการประมูลคลื่นที่ต้นทุนสูงจนเกินไป นำมาซึ่งการแข่งขันแย่งส่วนแบ่งการตลาด จาก Handset subsidy ในขณะที่การประมูลคลื่น 900Mhz ยังมีความไม่แน่นอนประเด็นการลงทุนเพิ่มของในส่วนการตัดสัญญาณจากรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่ยังไม่ชัดเจนเป็นเหตุให้ DTAC ไม่เข้าร่วม โดยการประมูลคลื่น 1800mhz จะเกิดขึ้นในวันที่ 19 ส.ค. คาดราคาประมาณ 1.2-1.3 หมื่นล้านบาท โดยเรามองภายหลังที่ ADVANC ได้คลื่น 1,800Mhz จะนำไปขยาย Broadband และหันแข่งขันในแง่ประสิทธิภาพ,การบริหารจัดการมากกว่าการแย่งชิงลูกค้าเหมือนในอดีต ทำให้ภาพรวมเราประเมินการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่บรรเทาลง โดยเราให้ ADVANC เป็น Stock pick ของกลุ่ม แนะซื้อเอาปันผลระหว่างกาล 3.78 บาท ขึ้นเครื่องหมาย 15 ส.ค.นี้
Investment Theme: ตลาดหุ้นเริ่มมีปัจจัยหนุนจากแรงซื้อนักลงทุนต่างชาติ (ซื้อสะสมประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท) ในขณะที่เริ่มเห็นการกระจายซื้อในหลายๆกลุ่มใน Domestic อย่าง ธนาคาร, ICT, โรงพยาบาล ถือเป็นสัญญาณที่ดี อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความเสี่ยงเรื่อง EYG และ สงครามการค้าในช่วงปลายเดือน ส่งผลให้เราแนะเพียงเก็งกำไรในกรอบ 1,680-1,720 จุด
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – กนง.มีมติคงดอกเบี้ยที่ 1.50% / Brent ปรับตัวลงที่ 72.3 เหรียญ ภายหลังรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบลดน้อยกว่าคาดที่ 1.35 ล้านบาร์เรล
Stock pick : III
III (non-rated) : กรอบเก็งกำไร 6.00-6.20 บาท/หุ้น
2Q61 กำไร +38 ลบ. +48% QoQ -11% YoY เป็นการสะท้อนว่า จุดต่ำสุดได้ผ่านมาแล้วใน 4Q60 ที่ +20 ลบ. ก่อนไต่ขึ้นเป็น +26 และ +38 ลบ. ตามลำดับ ซึ่ง “ดีกว่าคาด” ของ ผบห. และ ตลาดแนวโน้ม 2H61 เด่น เพราะ (1) เข้าฤดูขนส่ง (2) อัตรากำไรขั้นต้นคาดกลับไประดับ 20% จาก 17% ด้วยต้นทุนต่อหน่วยลดลงจากการใช้ IT S/W (3) ค่าเงินบาทอ่อนค่า -4% เป็น 33.2 บาท/ เหรียญ หนุนธุรกิจขนส่งทางอากาศ สัดส่วน 72% ของรายได้รวม (4) ขนส่งทางทะเล ยังไม่พบปัญหา trade war, volume ใน Intra Asia โตดีจากพาร์ทเนอร์ท่าเรือจีน Rizhao และบริษัทร่วม (5) ลุ้น บจก.ไปรษณีย์ไทย กลับมาใช้บริการ 4Q61 หลังหยุดไปเมื่อ ก.ย. 60 หนุนรายได้ปีหน้าอีก 10% จากฐานปี 61
สมมติฐานกำไร 3Q-4Q ไตรมาสละประมาณ 40-45 ลบ. จะผลักดัน EPS61 ที่ 0.25 บาท/หุ้น อิง PER 25x (Discount 40%) ได้ราคาประมาณ 6.20 บาท (Upside 17%)
Trading idea – ทยอยสะสมกลุ่มโรงกลั่น IRPC คาดผลประกอบการเด่น ในขณะที่ค่าการกลั่นปรับขึ้น 7.8% WTD เป็น 6.92 เหรียญ ถือเป็น Sentiment บวกต่อการลงทุน
Tecnical View
ลุ้นปิดยืนเหนือ 1722 เพื่อแกว่งขึ้นแบบ V-Shape: แรงซื้อที่เด่นชัดในหุ้นกลุ่มสื่อสารและโรงพยาบาล ทำให้ดัชนีแกว่ง Sideway Up ตลอดทั้งวัน และปิดที่บริเวณแนวต้านกรอบ Sideway ที่ 1722 ระยะสั้นมองว่าหากปิดยืนเหนือ 1722 ได้ ดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อในลักษณะ V-Shape มองแนวต้านถัดไปที่ 1735 และ 1750 จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันมองว่ายังเป็นโอกาสสะสมหุ้นตามแนวรับ หรือหากดัชนี Break 1722 ได้ มองเป็นโอกาส Follow Buy กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หากดัชนียืนเหนือ 1722 ได้ แนะนำ Let Profit Run และพิจารณาแรงขายที่แนวต้านถัดๆไป แต่หากหลุด 1707 แนะนำ Lock Profit รอบนี้ 2) ไม่มีหุ้น : จังหวะอ่อนตัวหากไม่หลุด 1715 มองเป็นโอกาสสะสมเพื่อ Trade ในกรอบ 1715-1735
แนวรับ : 1707, 1715 แนวต้าน : 1735, 1750
Keep and eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: 10 ส.ค. สหรัฐรายงานตัวเลขเงินเฟ้อ
ปัจจัยในประเทศ: : สัปดาห์แห่งการรายงานผลประกอบการ / จับตาระดับน้ำบางเขื่อนในประเทศ เริ่มต้องเฝ้าระวัง
หุ้นเทคนิค:
BDMS (B 26.00-26.50, Tp 28.00//30.00, Cut 25.50)
PTT (B 52.50, Tp 55.00, Cut 51.50)
ข่าวเด่น