สภาวะตลาดวันที่ 09 สิงหาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,210.50-1,217.23 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 19,100 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวลดลง 50 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,150 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ18 อยู่ที่ 19,150 บาท โดยราคาปรับตัวลดลง 20 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 19,170 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.00 น. ของวันที่ 09/08/61)
แนวโน้มวันที่ 10 สิงหาคม 2561
กระทรวงพาณิชย์ของจีน ประกาศมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.นี้ โดยครอบคลุมสินค้า 333 รายการ ซึ่งรวมถึงรถยนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน การดำเนินการดังกล่าวของจีนมีขึ้นเพื่อตอบโต้สหรัฐที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มเติมในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ แม้ว่าสงครามการค้าจะรุนแรงมากขึ้นแต่กลับพบว่าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้อย่างจำกัด ขณะที่ตัวเลขการค้าและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนก็ยังเติบโตได้ดี ซึ่งยอดเกินดุลการค้าของจีนต่อสหรัฐเกินดุลประมาณ 2.8 หมื่นล้านดอลลาร์ และยังเกินดุลบัญชีเดินสะพัด นอกจากนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้น 2.1% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยดัชนี CPI เดือนก.ค.ขยายตัวรวดเร็วกว่าเดือนมิ.ย.ที่มีการขยายตัวเพียง 1.9% ส่วนดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดต้นทุนสินค้าที่หน้าประตูโรงงาน ปรับตัวขึ้น 4.6% ในเดือนก.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี บ่งชี้ว่าจีน ได้รับผลกระทบต่อสงครามการค้าในวงจำกัด ซึ่งส่งผลให้เงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้น และส่งผลบวกต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ตาม ทองคำขยับขึ้นอย่างจำกัด เนื่องจากทิศทางดอกเบี้ยที่ขยับขึ้นส่งให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยถูกลดความน่าสนใจลง ขณะที่ธนาคารชั้นนำของฮ่องกงปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยการจำนอง หลังจาก ธนาคารกลางฮ่องกงได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ตามธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ทั้งนี้ หากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,217-1,228 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถทะลุไปได้ ต้องระมัดระวังแรงขายกดดัน สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงเวลานี้ต้องเน้นไปที่การเก็งกำไรระยะสั้น ในขณะที่หากต้องการเข้าซื้อทองคำให้รอจังหวะการอ่อนตัวลงมาบริเวณ 1,200-1,193 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมทั้งตั้งจุดทำกำไรและตัดขาดทุนให้ชัดเจน
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า หลังจากราคาอ่อนตัวลงอาจเกิดการดีดตัวขึ้นระยะสั้น หากราคาทองคำขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,217-1,228 ดอลลาร์ต่อออนซ์ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร เนื่องจากเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายทำกำไรออกมา นักลงทุนที่สะสมทองคำไว้อาจมีการขายทำกำไรบางส่วนออกมาบ้าง สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ ถ้าสามารถผ่านไปได้ให้แนะนำให้ถือต่อเพื่อไปขายทำกำไรที่แนวต้านถัดไป และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับ แนะนำนักลงทุนสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวขึ้น ทั้งนี้ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,200-1,193 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยควรตั้งจุดตัดขาดทุนหากราคาหลุดแนวรับบริเวณ 1,193 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,200 (18,800บาท) 1,193 (18,700บาท) 1,186 (18,600บาท)
แนวต้าน 1,217 (19,100บาท) 1,228 (19,300บาท) 1,235 (19,400บาท)
GOLD FUTURES (GFQ18)
แนวรับ 1,200 (18,940บาท) 1,193 (18,830บาท) 1,186 (18,720บาท)
แนวต้าน 1,217 (19,220บาท) 1,228 (19,390บาท) 1,235 (19,500บาท)
ข่าวเด่น