กลยุทธ์วันนี้ >> Earnings and Laggard Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ตามคาดโดยปิดทรงตัวจากวันก่อนหน้า แม้จะมีแรงซื้อเข้ามาหนุนให้ดัชนีบวกขึ้นทดสอบระดับ 1,730 จุด แต่ไม่สามารถยืนได้ โดยตลาดยังให้น้ำหนักกับผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน สถาบันในประเทศซื้อสุทธิบางลงเหลือ 930 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อสุทธิต่อเนื่องแต่บางลงเช่นกันเหลือ 741 ลบ. (และพลิกมา Net Short ใน Index Futures 2.9 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index ยังอยู่ในช่วงแกว่งตัวพักฐานหลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงกว่า 1 เดือนทีผ่านมา ขณะที่การประกาศผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 2Q18 กำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายและโดยรวมถือว่าไม่ได้ออกมาดีกว่าคาดอย่างมีนัยยะ ซึ่งเรามองว่ามีโอกาสที่จะเห็นการ Sell on Fact ระยะสั้น ขณะที่ประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนคาดว่ายังเป็นปัจจัยที่จำกัดการประขึ้นของดัขนี เรายังแนะนำให้รอสะสมเพิ่มในช่วงที่ตลาดอ่อนตัว
กลยุทธ์ : เก็งกำไรงบ 2Q18 และยัง Laggard //สะสมหุ้นพื้นฐานคืนในช่วงตลาดพักตัว
หุ้นเด่นเดือนส.ค. : BJC, BKD, INTUCH, RS, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$217ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลอออกจากเกาหลีใต้ US$196ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$22ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคเพราะกังวลสงครามการค้าต่อเนื่อง
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> KBANK <<
- แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 235 บาท
- เป็นธนาคารที่ได้รับประโยชน์มากหากอัตราดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น เพราะมีส่วนผสมของสินเชื่อธุรกิจและ SME ซึ่งส่วนใหญ่คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัวอยู่ที่ราว 70% ของสินเชื่อรวม นอกจากนี้ ยังมี NIM ดีสุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ที่ 3.4-3.5% VS ธนาคารอื่น 3% ยิ่งสะท้อนความได้เปรียบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อ
- คาดการณ์กำไรปี 2018 ที่ 3.9 หมื่นลบ. +13.8%Y-Y เติบโตดีสุดในกลุ่มธนาคารใหญ่ (ยกเว้น KTB ที่มีเรื่องการปรับลดสำรองฯ)
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) CPALL กำไรสุทธิ 2Q18 ต่ำกว่าคาด -11.8% Q-Q, +2.8 % Y-Y อยู่ที่ 4,779 ลบ. จากกำไรของ MAKRO ที่อ่อนแอ รวมถึงต้นทุนและค่าใช้จ่ายของ 7-11 ที่สูงขึ้นมากกว่าคาด โดยคาดกำไรจะกลับมาเติบโตอีกครั้งใน 2H18 แม้ยังมีปัจจัยลบจากค่าใช้จ่ายการเปิดสาขาใหม่ในต่างประเทศของ MAKRO ที่ยังสูงต่อ แต่เชื่อว่าจะได้รับการชดเชยด้วยราคาเนื้อสัตว์ที่กลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง รวมถึง Stamp Promotion และการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่องของ 7-11 และผลของฤดูกาลที่เป็น High Season ของธุรกิจ แต่ด้วยกำไรที่ต่ำกว่าคาดใน 2Q18 เราจึงปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลง 14% เหลือ 20,873 ลบ. +4.8% Y-Y และคาดว่าจะกลับมาเติบโตได้มากขึ้นในปีหน้า +15.4% Y-Y และปรับลดราคาเป้าหมายเป็น 84 บาท จากเดิม 98 บาท ราคาหุ้นที่ปรับลงมาได้สะท้อนกำไรที่ต่ำกว่าคาดใน 2Q18 ไปแล้ว และมองกำไร 2Q18 จะเป็นจุดต่ำสุดของปี จึงยังแนะนำซื้อ
(+) BEM กำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 978 ลบ. +33% Q-Q, +35% Y-Y หากหักกำไรการขายเงินลงทุน XPCL ให้ CKP ราว 184 ลบ. กำไรปกติจะอยู่ที่ 794 ลบ. (-1.5% Q-Q แต่ +10% Y-Y) เป็นไปตามที่เราและตลาดคาด แนวโน้ม 3Q18 คาดผลการดำเนินหลักโตต่อเนื่อง จากปัจจัยฤดูกาลที่มีวันหยุดน้อย และต้นทุนการเงินที่ลดลงหลังปรับโครงสร้างหนี้ใน 1Q18 ส่วน 4Q18 จะได้รับแรงหนุนจากปรับขึ้นค่าโดยสารใหม่ของรถไฟฟ้าสีน้ำเงิน 1 บาท ในสถานีที่ 5,8 และ11 ตั้งแต่ 3 ต.ค. 2018 เรายังคงประมาณการกำไรปกติปี 2018-19 ที่ 3.7 พันลบ. (+19% Y-Y) และ 4 พันลบ. (+10% Y-Y) คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 10 บาท
(+) MTC ปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ขึ้น 7% เป็น 3.9 พันลบ. +56%Y-Y หลักๆเกิดจากการปรับลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายสำรองค่าเผื่อหนี้สูญ (Credit cost) ลงจาก 2.3% เป็น 1.55% ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายสำรองฯลดลงจากประมาณการเดิม 30% เนื่องจากการเลื่อนการบังคับใช้ IFRS 9 ทำให้บริษัทมีระยะเวลาในการเตรียมตัวสำหรับ General reserve นานขึ้น คงคำแนะนำ ซื้อ ปรับเพิ่มราคาเหมาะสมปี 2018 เป็น 54 บาท (เดิม 51 บาท) อิง PEG 1 เท่า เทียบเท่า PER 30 เท่า นอกจากการเติบโตและคุณภาพหนี้ที่ดีแล้ว ROE ปีนี้ยังแข็งแกร่งมากสุดในกลุ่มการเงินที่ 36%
(-) WORK กำไรสุทธิ 2Q18 อยู่ที่ 116 ลบ. -30.2% Q-Q, -69.0% Y-Y ต่ำกว่าคาดของเรา 52% และตลาดคาดมาก ตามรายได้ช่อง WPTV กำไร 1H18 ลดลง 48.5% Y-Y เป็นเพียง 35% ของคาดเดิมทั้งปี จึงมีแนวโน้มปรับประมาณการลงจากเดิมราว 25-35% แม้คาดหวังต่อไปดีขึ้นจากรายการใหม่ เอเชียนเกมส์ และคุมต้นทุนมากขึ้น ปรับคำแนะนำเป็นขาย จากเดิมถือ
(+) EKH กำไรปกติ 2Q18 ออกมาโดดเด่นมากที่ 22 ลบ. +1.5% Q-Q, +90.4% Y-Y โดยรายได้จากการรักษาพยาบาลเติบโต +2.1% Q-Q, +22% Y-Y จากฝนที่มาเร็วและโรคระบาดที่มากในปีนี้ ขณะที่ศูนย์ผู้มีบุตรยากที่เริ่มเปิดดำเนินงานตั้งแต่ต้นปีแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่ได้ถ่วงผลการดำเนินงานในภาพรวม กำไร 2Q18 ที่ออกมาดี ทำให้คาดการณ์ทั้งปีที่ 92 ลบ. +10% Y-Y มี Upside คงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 7 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
10 ส.ค.
|
- สหรัฐฯ: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
- ญี่ปุ่น: 2Q18 GDP ตลาดคาด+1.4% Y-Y
|
14 ส.ค.
|
- ยูโรโซน: 2Q18 GDP ตลาดคาด +2.1% Y-Y
|
15 ส.ค.
|
- อินโดนีเซีย: ดุลการค้า (ก.ค.)
|
(-) ตลาดดาวน์โจนส์ปรับตัวลงจากความกังวลเรื่องความขัดแย้งระหว่างสหรัฐและประเทศต่างๆ เช่น จีน อิหร่าน และรัสเซีย
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวผสมผสานจากความกังวลเรื่องสงครามทางการค้า แม้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนจะยังคงประกาศออกมาอย่างแข็งแกร่งก็ตาม
(-) ภาพรวมตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลดลง หลังตลาดกลับมากังวลเรื่องสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
(-) ค่าเงินบาทอ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.20-33.30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 0.13 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 66.81 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเรื่องสงครามทางการค้าที่อาจกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในอนาคต
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 0.04 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 6.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. ลดลง 1.10 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1219.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น