Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET เผชิญกับแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง โดยระหว่างชั่วโมงการซื้อขาย มีแรงขายเด่นในกลุ่ม ICT นำโดย ADVANC, TRUE, DTAC กลุ่มธนาคารอย่าง BBL, KBANK และหุ้นใหญ่อย่าง PTT, PTTGC, AOT ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,676.2 จุด (-19.0 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.3 หมื่นล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 5.4 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 2 ที่ 1,958 ล้านบาท (นักลงทุนสถบันขายสุทธิต่อที่ 96 ล้านบาท ) แต่ยังคงเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 5,001 สัญญา
Investment theme
สรุปผลประกอบการ Q2 เริ่มเห็นนักวิเคราะห์ปรับประมาณการกำไรลง : ภายหลังการรายงานผลประกอบการไตรมาสอง เราพบว่า 534 บริษัทใน SET (ที่เราเก็บข้อมูล) รายงานกำไรสุทธิรวมที่ 2.48 แสนล้านบาท (+16%QoQ, -11%YoY) โดยกลุ่มธนาคารเป็นกลุ่มที่ดีกว่าคาด เติบโต 2%QoQ ,17%YoY ในขณะที่กลุ่มอื่นๆ ส่วนมากออกมาใกล้เคียงและแย่กว่าคาด ส่งผลให้เราเริ่มเห็นนักวิเคราะห์ทยอยปรับประมาณการกำไรในกลุ่มต่างๆ นำโดย กลุ่มอาหาร (-4.3%) กลุ่มสื่อ (-8.8%) กลุ่มค้าปลีก (-1.5%) กลุ่มก่อสร้าง (-4.9%) กลุ่มเกษตร (-7.7%) และกลุ่มขนส่ง (-1.6%) ส่งผลให้ EPS ของตลาดลดลงเหลือ 108.1x หรือลดลงประมาณ 40bps จากช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถือเป็นปัจจัยกดดัน Upside ของตลาดในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม เราแนะนักลงทุนจับตาการประชุมนักวิคราะห์ใน 1-2 สัปดาห์ต่อจากนี้เพื่อประเมินประมาณการของ EPS อีกครั้ง
Investment Theme: ในช่วงครึ่งเดือนหลังของสิงหาคม เริ่มคงมุมมองตลาดหุ้นทั่วโลกมีปัจจัยต่างประเทศกดดันการลงทุนมากขึ้น ทั้งประเด็นความเสี่ยง Geopolitical จากอิหร่านและรัสเซีย, สงครามการค้าสหรัฐ-จีน และผลกระทบของเศรษฐกิจและการเงินจากประเทศตุรกี ที่คาดส่งผลอย่างมากต่อค่าเงินในภูมิภาค Emerging market ส่งผลให้เราแนะนักลงทุนเพิ่มความระมัดระวังการลงทุน โดยภายหลังจากที่ SET ปรับตัวหลุดแนวรับเดือนส.ค.ที่บริเวณ 1,680 จุด เป็นผลให้เราแนะนักลงทุน Cut loss/ Take profit และชะลอการลงทุนเพื่อรอประเมินผลของสถานการณ์ดังกล่าวอีกครั้ง
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – Brent ปรับลงต่อที่ 70.65 เหรียญ / Dollar พุ่งต่อเนื่องที่ 96.7 / Qatar เตรียมสนับสนุนเงินช่วยเหลือตุรกี 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ Lira กลับมาแข็งค่าที่ 6.03 / อินโดนีเซียปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็น 5.50% (ครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เดือนพ.ค.) / Yuan อ่อนค่าต่อเนื่องที่ 6.93 เหรียญ
Stock pick : -
Trading idea – ในเชิงกลยุทธ์ หากอิงกับ EPS ที่ระดับ 108x ที่ระดับประมาณ 1,650 จุด+/- จะทำให้ Earning yield gap หรือส่วนต่างอัตราผลตอบแทนตลาดหุ้น-พันธบัตรกลับมาเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่บริเวณ 3.79% อาจทำให้บริเวณดังกล่าวน่าสนใจในการทยอยสะสมอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูงมาก อาจสามารถทยอยสะสม SCB, STEC และโรงกลั่น IRPC, TOP ได้
Technical View
หลุด 1680 มีแนวโน้มกลับเป็นขาลงอีกครั้ง: ดัชนีไม่มีแรง Rebound ต่อเนื่องจากสัญญาณ Hammer ก่อนหน้า และแกว่ง Sideway ตลอดทั้งวันจากแรงขายหุ้นแทบทุกกลุ่ม ทำให้ดัชนีปรับตัวลงหลุดแนวรับ 1680 พร้อม MACD ที่ตัดตัวลง ทำให้มองว่าดัชนีในระยะกลางจะมีแนวโน้มกลับเป็นขาลงอีกครั้ง ขณะนี้มองว่าดัชนีมีโอกาสแกว่ง Sideway Down ในกรอบ 1650-1680 แนะนำชะลอการซื้อจนกว่าจะเห็นสัญญาณหยุดลงที่ชัดเจนบริเวณแนวรับ
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : ต้อง Stop Loss หรือ Lock Profit หลุด 1680 หากยังมีหุ้นใช้ Low 1673 ในการ Stop Loss 2) ไม่มีหุ้น : แนะนำชะลอการซื้อจนกว่าจะเห็นสัญญาณหยุดลงที่ชัดเจนบริเวณแนวรับ
แนวรับ : 1650, 1660 แนวต้าน : 1685, 1695
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: 14 ส.ค. เยอรมันรายงาน GDP ไตรมาส 2
ปัจจัยในประเทศ: : -
หุ้นเทคนิค:
SCB (B 142.00-143.00, Tp 147.50//150.00, Cut 141.50)
TOP (B 79.50, Tp 83.00, Cut 78.50)
ข่าวเด่น