|
|
|
|
|
|
Market Summary 16/08/2018
Close
|
1,680.96
|
Volume
|
Bt57764M
|
Change
|
4.67
|
P/E
|
16.7
|
%Change
|
0.28%
|
P/BV
|
1.92
|
หุ้นแนะนำพิเศษ
DOD Opportunity day (ราคาปิด 14.8 ราคาเหมาะสม อยู่ระหว่างการปรับประมาณการในเชิงบวก)
- บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q61 ที่ 112 ลบ. เติบโต 106%YoY สอดคล้องไปกับยอดขายที่เพิ่มขึ้น 97%YoY สู่ 234 ลบ. เนื่องจากบริษัทย้ายที่ตั้งโรงงานใหม่ที่มีพื้นที่ใหญ่กว่า ทำให้สามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น โดยบริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ใกล้เคียงเดิมได้ที่ 62% แต่สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้ที่ลดลง ทำให้อัตรากำไรสุทธิของบริษัทเพิ่มขึ้นมาที่ 48% จาก 2Q60 ที่ 46%
- ผบห. มองแนวโน้ม 2H61 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจาก 1H61 ได้ หลังเริ่มมีลูกค้ารายใหม่เข้ามา โดยอยู่ในขั้นตอนการขอขึ้นทะเบียนอย. คาดจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 ในส่วนโรงงานสกัดวัตถุดิบแห่งที่ 2 ถือเป็นเจ้าแรกในไทย ที่มีการสกัดสารโดยใช้ CO2 ในเชิงพาณิชย์ หลังได้ลงนามร่วมมือกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของบริษัทในระยะยาว และสามารถสกัดสมุนไพรไทยเพื่อใช้ในประเทศและเพื่อส่งออกได้
- ความเห็น : ช่วง 1H61 มีกำไรสุทธิรวม 223 ลบ. เติบโต 154%YoY มีสัดส่วนประมาณ 89% ของคาดการณ์กำไรสุทธิปี 61 ที่ 251 ลบ. เติบโต 77%YoY จึงอยู่ระหว่างการทบทวนประมาณการเชิงบวกหลังบริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าสามารถสร้างกำไรสุทธิให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องจาก 1Q61 หลังจากย้ายที่ตั้งโรงงานใหม่ ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีความกังวลเรื่องสินค้าเครื่องสำอางและอาหารเสริมที่ไม่ผ่านมาตรฐานอย.
JKN Analyst Meeting (ราคาปิด 10.6 ซื้อ ราคาเหมาะสม 13.4)
- กำไรสุทธิ 1H61 อยู่ที่ 139 ลบ. +68%YoY เนื่องจากในช่วง 2Q61 รายได้เติบโตดีในทุกธุรกิจทั้งธุรกิจขายสิทธิคอนเทนต์ ธุรกิจบริการโฆษณา และธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ขณะที่บริษัทคุมค่าใช้จ่ายได้ดีส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 20% เพิ่มขึ้นจาก 15% ใน 1H60 กำไรสุทธิ 1H61 คิดเป็น 62% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีที่ 225 ลบ. +20%YoY และฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการตามเดิม
- บริษัทได้อัพเดทความคืบหน้าการขายคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศ ล่าสุดได้แก่ พม่า และ กัมพูชา มูลค่ารวมกว่า 70 ลบ. โดยปี 61 ยังคงเป้าสัดส่วนรายได้จากตปท.ที่ 20% ในส่วนคอนเทนต์ของ BEC ที่ JKN เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย เริ่มขยายไปยัง ฟิลิปปินส์ บริษัทจะได้ส่วนแบ่งกำไรราว 30% ของมูลค่ารวม อีกทั้งในอนาคตมีแผนจะผลิตคอนเทนต์เองเรื่อง “สยามรามเกียรติ์” คาดจะเริ่มดำเนินการผลิตปลายปี 61 และสามารถออกฉายได้ในปี 63
- ในส่วนของลูกหนี้การค้าที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าสิทธิ์ บริษัทได้ป้องกันความเสี่ยงจากการไม่สามารถเก็บหนี้ได้ ได้จัดทำสรุปรายงานจัดชั้นอายุลูกหนี้ เพื่อช่วยในการตรวจสอบและดำเนินการติดตามหนี้ และปรับรูปแบบการทำสัญญาโดยเก็บชำระเงินล่วงหน้าเป็นบางส่วน รวมถึงมีการเรียกเก็บเช็คจ่ายล่วงหน้าเพื่อเป็นหลักประกันการชำระเงิน บริษัทสามารถเก็บหนี้จากลูกค้าได้เกือบทั้งหมด
- ความเห็น : ผบห.ได้แสดงถึงความชัดเจนในการบุกตลาด CLMV และ ASEAN และเน้นย้ำว่าในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศมากกว่ารายได้ในประเทศ ถือว่าเป็นผลดีกับบริษัทอย่างยิ่งเนื่องจากเป็นการใช้คอนเทนต์ชุดเดิมที่บริษัทได้ซื้อมาพอสมควรในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งต้นทุนคงเดิมแต่รับรายรับเพิ่มขึ้น โดยหากแผนการขายคอนเทนต์ไปยังต่างประเทศประสบความสำเร็จด้วยดี จะช่วยหนุนอัตรากำไรขั้นต้นให้เติบโตอย่างก้าวกระโดดได้ จากปัจจุบันใน 2Q61 อยู่ที่ราว 43%
Market View : จีนเตรียมเจรจาสหรัฐ
หุ้นแนะนำพิเศษ : DOD
หุ้นมีข่าว : MAKRO BANPU JKN
Technical Insight : DTAC JKN
SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้น ขานรับปัจจัยบวกจากข่าวที่ว่า สหรัฐ-จีน เตรียมเจรจาการค้ารอบใหม่ คลายความกังวลนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยมีแรงซื้อกลับเข้ามาในกลุ่ม Big Cap. และ กลุ่มค้าปลีก หลังจากที่ก่อนหน้านี้ปรับตัวลงแรงตอบรับผลประกอบการที่ไม่เป็นไปตามที่คาด ภาพรวม SET Index ปิดที่ 1680.96 จุด (+4.67 จุด) Volume 5.8 หมื่นลบ. จาก Foreign Net
-3,099.09 ลบ. TFEX Net -7,778 สัญญา ตราสารหนี้ -629 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดทะยานขึ้น ขานรับรายงานข่าวที่ว่า จีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า
+น้ำมันดิบปิดบวกจากรายงานข่าวที่ว่า จีนได้ตอบรับคำเชิญของสหรัฐในการเจรจาการค้ารอบใหม่เพื่อคลี่คลายข้อพิพาททางการค้า
+ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.168 ล้านยูนิต
+จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการปรับตัวลง 2,000 ราย สู่ระดับ 212,000 ราย
+กาตาร์ประกาศอัดฉีดตุรกี 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หวังพยุงเศรษฐกิจ
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.88 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 33.20 บาท/US
ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยหนุนจากความหวังที่จีนและสหรัฐจะเจรจาการค้ารอบใหม่ ราคาน้ำมันที่ปิดบวก และตัวเลขศก.สหรัฐที่ออกมาดี โดยมีปัจจัยกดดันจาก Fund flow ไหลออก คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,675-1,700 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE XO CPF SSP
- MSCI เพิ่มน้ำหนัก IVL ลดน้ำหนัก PTT CPALL AOT
- ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวขึ้น SPRC IRPC TOP BCP
- CPALL ROBINS HMPRO BEM ครม.คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี
- KCE SVI CPF GFPT กลุ่มส่งออก ค่าเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.20 บาท/US
หุ้นมีข่าว
- MAKRO Analyst Meeting (มุมมองเชิงลบ)
- รายงานผลการดำเนินงาน 2Q61 ที่ 1,113 ล้านบาท -32%QoQ และ -10%YoY โดยถูกกดดันจากการเปิดสาขาในประเทศกัมพูชาและค่าใช้จ่ายก่อนการเปิดสาขาในอินเดียโดยรับรู้ผลขาดทุนราว 155 ล้านบาท ล่าสุดมีจำนวนสาขาในไทย 126 สาขา และสาขาในต่างประเทศ 1 สาขา (ในกัมพูชา 1 สาขา) ขณะที่ยอดขายต่อสาขา (SSSG) ลดลง 1% ตามราคาหมูแลไก่ที่ปรับตัวลง
- ความเห็น เราคาดว่าผลประกอบการใน 2H61 จะยังถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายดำเนินการในต่างประเทศที่คาดว่าจะยังรับรู้ผลขาดทุนเนื่องจากสาขาในต่างประเทศ โดย 2H61 ที่คอยกดดัน ด้านแผนการเปิดสาขาคาดว่าจะเปิดสาขาเพิ่มในไทย 2 สาขาสู่ 128 สาขา และเปิดสาขาเพิ่มที่อินเดีย 3 สาขารวมเป็น 4 สาขา ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปีถึงจะคุ้มทุนและเริ่มสร้างกำไร
- BANPU – Analyst Meeting (ราคาปิด 19.90 บาท, Bloomberg Consensus 27 บาท)
- รายงานกำไร 2Q61 ที่ 3,971 ลบ. +76%YoY และ +414%QoQ 2Q61 ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากคดีโรงไฟฟ้าหงสา อีกทั้งราคาและปริมาณผลิตถ่านหินปรับตัวขึ้นจากผ่านฤดูฝนไปแล้ว ประกอบกับค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าทำให้มีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน
- เรามีมุมมองเชิงบวก สำหรับธุรกิจถ่านหิน 2H61 คาดว่ายังคงเติบโตได้ต่อเนื่อง สนับสนุนด้วยปัจจัยอุปสงค์และอุปทานของถ่านหินของประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งคาดว่าปริมาณการใช้ถ่านหินจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน ประกอบกับความต้องการใช้ถ่านหินเพิ่มขึ้นในประเทศอินเดีย เนื่องจากมีการสนับสนุนโครงการสาธารณูปโภคจากรัฐบาล คาดว่าจะเกิดการขาดแคลนถ่านหินในประเทศอินเดียอย่างต่ำราว 2-3 ปีนี้ ขณะที่ปริมาณการผลิตถ่านหินยังคงเพิ่มอย่างจำกัด เนื่องจากมีการปิดปรับปรุงเหมืองที่ประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ธุรกิจพลังงานอาจหดตัวตามปัจจัยฤดูกาล ขณะที่ Bloomberg Consensus คาดกำไรทั้งปี ราว 13,000 ลบ. +64.5% คำแนะนำ “ซื้อ”
- FSMART ผู้บริหารเผยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/61 จะเติบโตกว่าไตรมาส 2/61จากการปรับเปลี่ยนทำเลที่ตั้งของตู้เติมเงินสำหรับตู้ที่มียอดเติมเงินน้อยประมาณ 20,000 ต้ และเพิ่มตู้ใหม่อีก 5,000 ตู้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากครึ่งปีแรกเพิ่มแล้ว 5,000 ตู้ ทำให้สิ้นปีนี้มีทั้งสิ้น 139,653 ตู้ จากปัจจุบันที่ 134,653 ตู้ และมียอดเติมเงินเฉลี่ยที่ 3,700 ล้านบาท/เดือน บริษัทเตรียมเปิดให้บริการธุรกิจใหม่ในการจำหน่ายซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือ และการรับพิสูจน์ตัวตน (e-KYC) ให้กับกลุ่มธนาคารและกลุ่ม e-Wallet ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังมีแผนรุกตลาดต่างประเทศรูปแบบการลงทุนมี 2 แนวทาง คือ 1. การขายตู้บุญเติม และ 2.การร่วมทุนกับพันธมิตรเพื่อรุกการให้บริการตู้บุญเติมในประเทศดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในระยะถัดไป (ที่มา มิติหุ้น)
- AP (ราคาปิด 9.25 Bloomberg Consensus10.28) 2Q61 มีกำไรสุทธิ 1,183 ล้านบาท +93%YoY งวด 1H61 มีกำไรสุทธิ 1,992.06 ล้านบาท +71%YoY บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ณ 5 สิงหาคม 2561 มูลค่ารวม 49,580 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่า 6,595 ล้านบาทซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ ที่เหลือเป็นคอนโดมิเนียมจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2566 (ที่มา ข่าวหุ้น)
- ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อ backlog ที่แข็งแกร่งที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ต่อเนื่องในอนาคต Bloomberg Consensus คาดกำไรปี 61 เฉลี่ย 3.2 ล้านบาท +17% IAA consensus คาด yield เฉลี่ย 4.3%
|
บันทึกโดย : Adminวันที่ :
17 ส.ค. 2561 เวลา : 09:43:05
|
|
|
|
|
ข่าวเด่น