Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET มีความผันผวนสูง โดยเปิดตลาดเผชิญกับแรงขายตามภูมิภาคนำโดยกลุ่มพลังงานอย่าง PTTEP, PTT ตามการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบโลก และกลุ่มปิโตรอย่าง IVL, PTTGC อย่างไรก็ตามเริ่มมีแรงซื้อกลับในกลุ่ม Domestic อย่าง SCB, BBL, CPALL และกลุ่มโรงกลั่นอย่าง TOP, SPRC, ESSO หนุนตลาดกลับมาปิดในแดนบวก โดย ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,680.96 จุด (+4.67 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 5.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้าที่ 5.3 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยเป็นวันที่ 3 ที่ 3,099 ล้านบาท และยังคงเปิดสถานะ Short SET50 index future ที่ 7,778 สัญญา
Investment theme
ในระยะสั้น แนะจับตาการผันผวนของค่าเงิน : ภายหลังเสร็จสิ้นการรายงานผลประกอบการ 2Q18 ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนบนความกังวลวิกฤตเศรษฐกิจและการเงินจากประเทศตุรกี ภายหลังปธน.Trump ได้จุดฉนวนครั้งใหม่ด้วยการประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากตุรกี ส่งผลให้ค่าเงินโดยเฉพาะในประเทศเกิดใหม่อ่อนค่ามากถึง 5-20% นำโดย Lira, Peso , Rand, Ruble ตามลำดับ ในขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าเพียงเล็กน้อย (-0.6%) นั่นแสดงถึงฐานะทางการคลังและความมีเสถียรภาพของนโยบายการเงินที่ยังคงแข็งแกร่ง และคาดได้รับผลกระทบจำกัดจากความกังวลดังกล่าว ส่วนด้านประเด็นความขัดแย้งระหว่าง US กับ จีน เริ่มมีความหวังมากขึ้น หลังจากทั้งคู่เตรียมเจรจากันในสัปดาห์หน้า ปัจจัยนี้คาดอาจหนุนแรงเก็งกำไรระยะสั้นในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงเร่งตัวขึ้นได้ ส่วนปัจจัยในประเทศเราแนะนักลงทุนติดตามการประชุมนักวิเคราะห์ ใน 1-2 สัปดาห์เพื่อประเมินการปรับกำไรตลาดหุ้น โดยหากอิง Market EPS ที่ 108 และ SET ที่ระดับประมาณ 1,650 จุด+/- จะทำให้ Earning yield gap หรือส่วนต่างอัตราผลตอบแทนตลาดหุ้น-พันธบัตรกลับมาเพิ่มขึ้นใกล้กับค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่บริเวณ 3.79% อาจเพิ่มความน่าสนใจต่อการลงทุนยิ่งขึ้น
Investment Theme: ในช่วงครึ่งเดือนหลังของสิงหาคม เริ่มคงมุมมองตลาดหุ้นทั่วโลกมีปัจจัยต่างประเทศกดดันการลงทุนมากขึ้น ทั้งประเด็นความเสี่ยง Geopolitical จากอิหร่านและรัสเซีย, สงครามการค้าสหรัฐ-จีน และผลกระทบของเศรษฐกิจและการเงินจากประเทศตุรกี ที่คาดส่งผลอย่างมากต่อค่าเงินในภูมิภาค Emerging market และชะลอการลงทุนเพื่อรอประเมินผลของสถานการณ์ดังกล่าวอีกครั้ง
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – Dow Jones ปรับขึ้นกว่า 400 จุด เก็งการเจรจาประเด็นการค้า US กับจีนในสัปดาห์หน้า / Dollar Index ยังแข็งค่าต่อเนื่อง ล่าสุดสู่ระดับ 96.6 จุด
Stock pick : -
Trading idea –สหรัฐฯ และจีนเตรียมเจรจาประเด็นการค้าในสัปดาห์หน้า คาดกระตุ้นแรงเก็งกำไรสินทรัพย์เสี่ยงระยะสั้น แต่อย่างไรก็ดี ประเด็นตุรกียังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาใกล้ชิด ดังนั้นกลยุทธ์การลงทุน สำหรับนักลงทุนรับความเสี่ยงได้สูง แนะเก็งกำไรในกรอบ 1680-1705 เน้น Domestic Play SCB, STEC, BJC เด่น ส่วนกลุ่มที่รับความเสี่ยงได้ต่ำ แนะรอซื้อหาก SETผ่านต้าน 1720 ได้ โดยประเมินแนวรับสำคัญรอบนี้ 1650 +/-
Technical View
หากยืน 1680 ได้ คาดแกว่งในกรอบ 1680-1706: ดัชนีอ่อนตัวลงในช่วงเช้าและแกว่ง Sideway Up ตลอดทั้งวัน จากแรงซื้อหุ้นในกลุ่มค้าปลีก โรงกลั่นและสื่อสาร ทำให้ดัชนีกลับมาปิดที่แนวต้าน 1680 ระยะสั้นหากยืนเหนือแนวต้านดังกล่าวได้ มองว่ามีโอกาสแกว่งตัวขึ้นในกรอบ 1680-1706 (EMA200Day) จังหวะอ่อนตัวระหว่างวันหากไม่หลุด 1670 มองว่ายังน่าสะสมเพื่อ Trading เล่นในกรอบ 1670-1706 แต่หากหลุด 1670 แนะนำ Lock Profit
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : Trading ในกรอบ 1670-1706 เน้น Trading เล่นรอบและขายทำกำไรที่แนวต้าน แต่หากหลุด 1670 แนะนำ Lock Profit 2) ไม่มีหุ้น : จังหวะอ่อนตัวหากไม่หลุด 1670 แนะนำทยอยสะสมหุ้นเพื่อเทรดในกรอบ 1670-1706
แนวรับ : 1665, 1670 แนวต้าน : 1690, 1706
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: ประชาพิจารณ์ Trade war ของ US ในสัปดาห์หน้า
ปัจจัยในประเทศ: : 19 สค. การประมูลคลื่นความถี่ 1800 MHz. / 20 สค. รายงาน 2Q61 GDP ของไทย ตลาดคาดที่ 4.4%
|หุ้นเทคนิค:
TOP (B 81.00-82.00, Tp 85.00//87.50, Cut 78.00)
CPALL (B 69.50, Tp 73.00, Cut 68.50)
ข่าวเด่น