กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวในแดนบวกได้ในช่วงต้นชั่วโมงการซื้อขายก่อนที่จะมีแรงขายออกมากดดันและทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดลบ 6.79 จุด ณ สิ้นวัน ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับที่เราคาดว่ากรอบการบวกจะจำกัดมาก แรงขายส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนต่างชาติซึ่งเร่งตัวขึ้นเป็น 3.6 พันลบ. (แต่ Long ใน Index Futures สูงถึง 1.1 หมื่นสัญญา) ขณะที่สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิต่ออีก 1.7 พันลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index จะรีบาวด์ได้ในระยะสั้นจากกลุ่มพลังงานที่คาดว่านำตลาดหลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 1.4% วานนี้ อย่างไรก็ตามเรายังมองกรอบการบวกของตลาดยังจำกัด โดยต้องรอติดตามปัจจัยต่างประเทศทั้งการเจรจาทางการค้าระหว่างคณะทำงานของสหรัฐฯและจีนเพื่อ รวมถึงการประชุมประจำปีของ FED ที่แจ็คสันโฮลปลายสัปดาห์ในประเด็นมุมมองเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจไทยที่เติบโตแข็งแกร่งคาดว่าจะทำให้หุ้นในกลุ่ม Domestic Play ที่ยัง Laggard เคลื่อนไหว Outperform ตลาด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic Play ที่ยัง Laggard//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงตลาดพักตัว
หุ้นเด่นเดือนส.ค. : BJC, BKD, INTUCH, RS, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$332ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$250ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$109ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคก่อนการประชุมระหว่างผู้แทนจีนและสหรัฐในประเด็นการค้า
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CK <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 34 บาท
- งานภาครัฐฯมีโอกาสเร่งอนุมัติมากขึ้นในช่วงที่เหลือของปี จาก 1H18 ที่ล่าช้าไปมาก เช่น ทางด่วนพระราม 3-ดาวคะนอง, รฟฟ.ม่วงใต้, มอเตอร์เวย์ 2 เส้น และรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง โดยเราคาดว่า CK จะได้รับงานเข้ามาเติมอย่างน้อย 3 หมื่นลบ.
- ราคาหุ้นยัง Discount NAV ของบริษัทลูก (BEM, CKP, TTW) มากถึง 30%
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) เงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าเร็ว จากดอลล่าร์ที่กลับมาอ่อน ตามแรงกดดันการปรับขึ้นดอกเบี้ยเฟดของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และตัวเลข 2Q18 GDP ของไทยที่ออกมาดีเกินคาด ถือเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นที่ได้ประโยชน์จากบาทอ่อน ซึ่ง Outperform ตลาดก่อนหน้านี้ ทั้งชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เกษตรอาหาร และยานยนต์ แต่จะเป็นบวกต่อผู้นำเข้าสินค้ามาขายในประเทศ เช่น SYNEX FTE THMUI เป็นต้น
(0) กำหนดเลือกตั้ง 24 ก.พ. 19 โดยนายกจะไม่เลื่อนเลือกตั้งให้เร็วขึ้น แต่มีโอกาสเลื่อนออกไปหากมีเหตุจำเป็น โดย ก.ย. นี้ จะประชุมร่วมกับพรรคการเมืองเพื่อหาลือเรื่องการปลดล็อคการประชุมและจัดตั้งพรรค ซึ่งจะทำให้การทำงานของ กกต. หลังจากนี้รวดเร็วมากขึ้น แม้ว่ายังมีโอกาสเลื่อนการเลือกตั้งได้อีก แต่กรอบเวลาที่กำหนดจะบีบให้การลงทุนภาครัฐฯต้องเร่งขยับ โดยเฉพาะช่วงโค้งสุดท้ายของงบประมาณปี 2018 เป็นบวกกับหุ้นกลุ่มรับเหมา เรายังชอบ CK ราคาเป้าหมาย 34 บาท
(+) KTC คงคำแนะนำซื้อ และปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 35 บาท อิงกับประมาณการกำไรสุทธิปี 2018 ใหม่ที่ 5.1 พันลบ. EPS 1.98 บาท เพิ่มขึ้น 54% Y-Y โดยเราได้ปรับเพิ่มประมาณการจาก Credit cost และหนี้สูญรับคืนที่คาดว่าจะน้อยกว่าคาดเนื่องจากคุณภาพลูกหนี้ที่ดีขึ้น และการเก็บหนี้ทำได้ดีอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้เราปรับ Loan spread เพิ่มขึ้นจากส่วนผสมของพอร์ตสินเชื่อบุคคลที่เพิ่มขึ้น และในเร็วๆนี้มีแผนธุรกิจใหม่ในสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์และพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งเป็น High-Yield loan
(+) XO การเติบโตใน 2H18 จะมาจากการปรับขึ้นราคากับลูกค้าโดยเฉลี่ย 2.5% และต้นทุนวัตถุดิบโดยเฉพาะน้ำตาล (9% ของต้นทุน) ที่ราคาจะถูกลงไปอีกใน 4Q18 และได้ทยอยล็อกราคาน้ำตาลที่ราคาต่ำลงยาวไปถึงกลางปีหน้าแล้ว ส่วนกระเทียม (5% ของต้นทุน) ล็อกราคาต่ำไปถึงสิ้นปี 2019 จึงน่าจะได้เห็นกำไรโตต่อใน 2H18 เบื้องต้นเราคาดกำไร 2H18 ไว้ 100-120 ลบ. จากที่ทำได้ 89 ลบ. ใน 1H18 ซึ่งจะทำให้กำไรปีนี้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 189-209 ลบ. เพิ่มจากปีก่อนที่ทำได้ 59 ลบ. หากอิง PE เดิม 24 เท่า จะได้ราคาเป้าหมายปีนี้ 10.8 - 12.0 บาท อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นปรับขึ้นร้อนแรงในช่วงที่ผ่านมา แนะนำให้ระมัดระวังในการเก็งกำไร
(-) ASEFA กำไร 2Q18 อยู่ที่ 52 ลบ. -3.0% Q-Q, -24.1% Y-Y น้อยกว่าคาด กำไรลดลงเล็กน้อย Q-Q จาก จากการแข่งขันด้านราคาในธุรกิจมากขึ้นมาตั้งแต่ต้นปีก่อน เนื่องจากการลงทุนโดยรวมขยายตัวช้า ส่วนกำไรที่ลดลงมาก Y-Y จากทั้งรายได้รวมและอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง รววมถึงค่าใช้จ่าย SG&A ที่เพิ่มขึ้นจากการขยายการลงทุนด้านการตลาด แนวโน้ม 2H18 อาจฟื้นตัวตามฤดูกาลแต่ยังไม่โดดเด่น เราปรับลดคาดการณ์กำไรปีนี้ลงเหลือ 227 ลบ. -10.3% Y-และปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 5 บาท แนะนำถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
22 ส.ค.
|
- ตลาดหุ้นหลายแห่งปิดทำการเนื่องในวันฮารีรายอ เช่น สิงคโปร์, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, อินเดีย
- สหรัฐฯ: Minutes การประชุมของ FOMC เมื่อ 1 ส.ค. 18
|
23 ส.ค.
|
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ส.ค.)
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.)
|
24 ส.ค.
|
- ญีปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
|
23-25 ส.ค.
|
- ประชุมประจำปีของเฟดที่แจ็กสัน โฮล
|
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐยังคงปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังเรื่องการเจรจาเพื่อยุติสงครามทางการค้า อย่างไรก็ตามหลังตลาดปิด ประเด็นทางการเมืองของปธ.ทรัมป์กลับมากดดันตลาดอีกครั้ง
(+) ตลาดหุ้นยุโรปฟื้นตัวขึ้นจากแรงหนุนของกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะในตลาดอิตาลีหลังค่าเงินตุรกีเริ่มทรงตัวอยู่ได้
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น หลังบรรยากาศการลงทุนทั้งในเรื่องสงครามทางการค้าและวิกฤตค่าเงินในตุรกีที่อาจลุกลามไปประเทศอื่น เริ่มผ่อนคลายลง
(+) ค่าเงินบาทยังคงแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.92 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 67.35 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังสหรัฐออกมาพูดว่าการคว่ำบาตรอิหร่านจะส่งผลทำให้อิหร่านส่งออกน้ำมันได้น้อยกว่าที่ตลาดเคยคาดไว้
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์เพิ่มขึ้น 0.15 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 6.98 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 5.40 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1200.00 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าลงของดอลลาร์สหรัฐอย่างต่อเนื่อง
ข่าวเด่น