กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//Accumulate on Dip
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัวในแดนบวกและทะลุ 1,700 จุดขึ้นมาได้ระหว่างวันนำโดยกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามดัชนีอ่อนตัวลงมาปิดบวกเพียง 3.67 จุด ณ สิ้นวันซึ่งเป็นไปตามที่เราคาดว่ากรอบการบวกยังคงจำกัด สถาบันในประเทศยังซื้อสุทธิต่อเนื่องอีก 2.1 พันลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติขายบางลงเหลือเพียง 255 ลบ. (และยัง Long ใน Index Futures อีกถึง 1.4 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index ยังคงได้แรงหนุนจากกลุ่มพลังงานที่คาดว่าจะปรับขึ้นตามราคาน้ำมันที่พุ่งกว่า 3% วานนี้ อย่างไรก็ตามเรายังคงมองกรอบการปรับขึ้นของตลาดจะยังไม่กว้าง โดยวันนี้สหรัฐฯ-จีนจะเริ่มเก็บภาษีนำเข้าสินค้าวงเงิน 1.6 หมื่นล้านเหรียญ และยังต้องติดตามปัจจัยต่างประเทศอีกหลายประเด็นทั้งการเจรจาทางการค้าระหว่างคณะทำงานของสหรัฐฯและจีน รวมถึงการประชุมประจำปีของ FED ที่แจ็คสันโฮลว่าจะมีมุมมองต่อเศรษฐกิจและดำเนินนโยบายการเงินอย่างไร เรายังเชื่อว่าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play จะ Outperform
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic Play ที่ยัง Laggard//ทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานในช่วงตลาดพักตัว
หุ้นเด่นเดือนส.ค. : BJC, BKD, INTUCH, RS, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$54ล้าน MISS เงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$148ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไต้หวัน US$90ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$8ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังตลาดกลับมากังวลต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐและปัญหาการเมืองในสหรัฐด้วย
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BGRIM <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 32 บาท
- แนวโน้มกำไร 2H18 สดใส จากการรวมงบฯ โรงไฟฟ้าบี กริม ยันฮี โซลาร์ หลังซื้อหุ้นเพิ่มจากเดิม 49% เป็น 100% และโรงไฟฟ้า ABP5 (133 MW ถือหุ้น 55%) จะ COD ต.ค. 18 ตามด้วยโครงการ Solar ราชการ 31 MW ช่วงปลายปี
- การกลับมาแข็งค่าเร็วของเงินบาท จะทำให้กำไรสุทธิ 2H18 เป็นบวกมากขึ้นจาก fx gain ทั้งนี้ เราคาดกำไรปกติปี 2018 +40% Y-Y เป็น 2.4 พันลบ.
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) ราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้น 2.02 ดอลลาร์ อยู่ที่ 67.86 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลดลงกว่า -5.8 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่ตลาดคาดว่าจะปรับตัวลงเพียง -1.5 ล้านบาร์เรล รวมไปถึงความกังวลเรื่องปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่านและอาจลดลงมากกว่าคาด หลัง Sinopec ออกมาให้ข่าวว่ายังไม่มีแผนซื้อน้ำมันจากอิหร่านเพิ่มในช่วย 2H18
(0) เริ่มเห็นผลกระทบจากสงครามการค้าบ้างแล้ว มูลค่าส่งออกของไทยเดือน ก.ค. +8.3% Y-Y เป็น US$20,424 ล้านเหรียญ นำโดยสินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมัน เช่น น้ำมันสำเร็จรูป เม็ดพลาสติกและเคมีภัณฑ์ แต่กลับลดลง 6.2% M-M หดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 เป้าส่งออกที่สภาพัฒน์ฯเพิ่งปรับขึ้นเป็น +10% ในปีนี้ถือว่าท้าทาย แม้ว่า 7 เดือนแรกจะโต 10.6% Y-Y ก็ตาม เพราะเริ่มเห็นผลของสงครามการค้า โดยส่งออกไปจีน -4.4% M-M ลดลงเป็นเดือนที่ 2 ส่งออกไปเกาหลีใต้ -15.7% M-M ยอดส่งออกแผงโซลาร์และเครื่องซักผ้าไปสหรัฐหดตัวแรงจนทำให้ยอดส่งออกทั้ง 7M18 เพียงอย่างละ 9% Y-Y เทียบกับ 2 ปีก่อนที่โต 30-40%
(+) EA แนวโน้มกำไร 2H18 อยู่ในทิศทางขาขึ้นต่อเนื่อง โดยใน 3Q18 การผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าลมดีขึ้น ช่วยลดผลกระทบของโซลาร์ที่ลดลงเพราะฤดูฝน ส่วน Amita ขาดทุนลดลง และธุรกิจไบโอดีเซลมีมารจิ้นดีขึ้น ใน 4Q18 จะเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการหนุมาน (ลม) 260 MW ที่ล่าสุดติดตั้งใบพัดเสร็จแล้วกว่าครึ่งของทั้งโครงการ และรับรู้รายได้เต็มปีปีหน้า ส่วนโครงการ Energy Storage ขนาด 1GWh คืบหน้าขึ้นเรื่อยๆ แล้วเสร็จปลายปีหน้า ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 47 บาท
(+) PTTGC แนวโน้มกำไรใน 3Q18 ไม่ดีนักเพราะมีแผนหยุดซ่อมบำรุงในไตรมาสนี้ ประกอบกับธุรกิจหลักของ GGC จะลดลงจากไตรมาสก่อนจากปริมาณขายและราคาขายที่ลดลง เราคาดกำไรเบื้องต้น 9.3 พันลบ. -14% Q-Q เป็นไตรมาสที่ต่ำสุดของปีก่อนจะฟื้นตัวขึ้นใน 4Q18 หลังจากเครื่องจักรกลับมาผลิตได้ตามปกติ แม้ว่าธุรกิจโอเลฟินส์จะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าครึ่งปีแรกเพราะต้นทุนก๊าซที่เริ่มปรับขึ้น แต่จะได้กำไรจากธุรกิจโรงกลั่นและอโรมาติกส์ช่วยหนุน เรายังคาดกำไรทั้งปี +9% Y-Y เป็น 4.3 หมื่นลบ. ปัจจุบันมี PE 8 เท่า ต่ำสุดในกลุ่มปิโตร ทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 110 บาท
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
23 ส.ค.
|
- ยูโรโซน: Flash PMI ภาคการผลิต (ส.ค.)
- สหรัฐฯ: ยอดขายบ้านใหม่ (ก.ค.)
|
24 ส.ค.
|
- ญีปุ่น: อัตราเงินเฟ้อ (ก.ค.)
|
23-25 ส.ค.
|
- ประชุมประจำปีของเฟดที่แจ็กสัน โฮล
|
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวผสมผสาน จากความกังวลที่ FED พร้อมจะขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนหน้า รวมไปถึงคดีความของอดีตทนาย ปธ.ทรัมป์
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นเล็กน้อย หลังตลาดยังคงจับตาดูการเจรจา เรื่อง Brexit
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น จากความคาดหวังในการเจรจาหาข้อยุติการขึ้นภาษีกันไปมาระหว่างสหรัฐและจีน
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.75 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 2.02 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 67.86 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง EIA รายงานสต็อคน้ำมันดิบสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าคาด รวมถึงความกังวลเรื่องปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบอิหร่าน
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ลดลงเล็กน้อย 0.02 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 6.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ส.ค. เพิ่มขึ้น 3.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1203.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น