ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.เอเชีย เวลท์ : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน ยังรอปัจจัยสำคัญเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน (24/08/61)


 อึมครึมและผันผวน

          ตลาดหุ้นไทยวันนี้ : ตลาดยังรอปัจจัยสำคัญคือเรื่องการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน โดยเมื่อวานนี้สหรัฐฯ และจีนต่างก็ประกาศบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์แล้ว ขณะที่ยังไม่ทราบความคืบหน้าของผลการเจรจา ซึ่งเรายังเชื่อว่าการตกลงกันระงับการใช้มาตรการภาษีในอัตราสูง เป็นเรื่องยากที่จะทำให้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใกล้ ๆ นี้ อย่างไรก็ตาม เงินเหรียญสหรัฐฯ (DXYO) กลับมาแข็งค่าขึ้นเป็น 95.656 จุด เราแนะนำนักลงทุนรอจังหวะการเข้าซื้อใหม่อีกรอบ กรอบดัชนีวันนี้ หากผลการเจรจายังไม่มีความชัดเจน คาดดัชนีมีแนวรับ 1,680 จุด และหากมีความชัดเจนเกิดขึ้นแล้ว แนวต้านดัชนีมีแนวโน้มขึ้นได้แรงกว่า แนวต้านอยู่ที่ 1,730-1,740 จุด หุ้นแนะนำ EA, BCH, KCE

Stock     Comment
EA           Pick of the day
BCH       (ปิด 18.30 บาท; ซื้อ; AWS TP 20 บาท) คาดผลการดำเนินงานโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล (WMC) จะเติบโตต่อเนื่องนับจากนี้ หลังจากที่โรงพยาบาลดังกล่าวเริ่มแสดงกำไรสุทธิเป็นบวกในไตรมาส 2/61 ที่ 15 ล้านบาท เทียบกับไตรมาส 1/61 ที่มีขาดทุนสุทธิที่ 30 ล้านบาท ซึ่งเร็วกว่าคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า WMC จะเริ่มแสดงกำไรสุทธิในช่วงปลายปี 2561 เราปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2561 ของ BCH ขึ้น 5% มาอยู่ที่ 1.05 พันล้านบาท (+15% YoY) และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 20 บาท จากเดิม 18.60 บาท  
KCE      (ปิด 43.75 บาท; ซื้อ; AWS TP 49.00 บาท) ราคาหุ้นอ่อนตัวลงมา เป็นโอกาสซื้อ รอปัจจัยบวกค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่า และราคาทองแดงซึ่งเป็นวัตถุดิบต่ำลงมาอยู่ในระดับ 6,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน

หุ้นเด่นวันนี้ : EA (ปิด 35.75 บาท; ซื้อ; AWS TP 46.50 บาท)
           คาดโรงไฟฟ้าพลังงานลมจะช่วยหนุนกำไรไตรมาส 3/61 โดยปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมหาดกังหัน เดือน ก.ค.61 เพิ่มขึ้นเป็น 49 ล้านหน่วย เทียบเท่าปริมาณการผลิตในไตรมาส 2/61 ทั้งไตรมาสที่ 48 ล้านหน่วย และเทียบเท่า 60% ของปริมาณการผลิตไฟฟ้าในไตรมาส 3/60 ที่ 82 ล้านหน่วย ผลประกอบการในไตรมาส 3/61 นี้มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นทั้ง YoY และ QoQ ประมาณ 1.2 พันล้านบาท ด้านความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมหนุมานขนาด 260 MW เป็นไปตามกำหนด คาด COD ได้ภายในไตรมาส 4/61 หนุนผลประกอบการโตต่อในปี 2562 นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง PCM (Phase Change Material) ซึ่งเป็นสารที่ใช้เป็นฉนวนไฟฟ้าทนความร้อนสูง  มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงและมีความต้องการสูงมากในญี่ปุ่น จะช่วยหนุนผลประกอบการโตต่อเนื่องหลังจากปี 2562  
           Price Pattern ของ EA แม้ว่าจะยังมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาลง (Downtrend) จากการเกิด Monthly Sell Signal แต่เริ่มมีความแข็งแกร่งทั้งในระยะสั้นและระยะกลางจากการกลับมาเกิดทั้ง Daily & Weekly Buy Signal ทั้งนี้หาก Price Pattern ของ EA สามารถปิดตลาดรายเดือนได้เหนือ 38.75 บาท ก็จะทำให้ เกิด Monthly Buy Signal ครั้งใหม่และเปลี่ยนเป็นแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัวทันที เมื่อพิจารณา Price Pattern ของ EA มีเป้าหมายเบื้องต้นอยู่ที่ 44 บาท ทั้งนี้จุด Stop Loss ระยะสั้นของ EA อยู่ที่ 33.25 บาท  (Resistance: 39.00, 39.50, 40.25; Support: 38.25, 37.75, 37.00)

ปัจจัยในประเทศ :

  • SCB (ราคาปิด 147 บาท; ถือ; AWS TP 135 บาท) เผยธนาคารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับข้อพิพาทระหว่างกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมบริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด (WEH) และผู้ถือหุ้นปัจจุบัน และระหว่างผู้ถือหุ้นปัจจุบันและครอบครัวณรงค์เดช นอกจากนี้ ธนาคารไม่ได้รับเอาหุ้น WEH ซึ่งเป็นทรัพย์พิพาทในคดีมาเป็นหลักประกัน และไม่มีนโยบายสนับสนุนทางการเงินใดๆ แก่กลุ่มผู้ถือหุ้นปัจจุบันเพื่อนำไปชำระหนี้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัญญาซื้อขายหุ้น อีกทั้ง ธนาคารยืนยันว่าการพิจารณาปล่อยกู้โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทั้ง 8 โครงการ เป็นไปตามหลักการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร (บางกอกโพสต์) ความเห็น: เราคาดข่าวดังกล่าวให้ Sentiment เชิงบวกต่อ SCB และช่วยคลายความกังวลนักลงทุน โดยเฉพาะในด้านนโยบายการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร
  • สนข.เตรียมเสนอขอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี ขณะนี้ได้ข้อสรุปรายละเอียดโครงการเรียบร้อยแล้ว คาดค่าก่อสร้างสายสีน้ำตาล 5 หมื่นล้านบาท โดยจะพัฒนาตอม่อร้างบนเส้นเกษตร-นวมินทร์ คาดจะเสนอคจร.ภายในปีนี้ พร้อมเริ่มก่อสร้างในปี 2563 (กรุงเทพธุรกิจ/โพสต์ทูเดย์)
  • GFPT (ปิด 14.50 บาท; NR; IAA Consensus 13.90 บาท) เรามีมุมมองเป็นบวกต่อการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้ (23 ส.ค. 61) จากราคาไก่ที่ปรับขึ้นตามราคาวัตถุดิบทำอาหารเลี้ยงสัตว์ เช่น ถั่วเหลือง, ข้าวโพด ที่ปรับตัวขึ้นมาก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ไตรมาส (Cost push) แต่ปัจจุบันต้นทุนอาหารสัตว์อย่าง ถั่วเหลือง, ข้าวโพด เริ่มปรับลดลง ช่วยให้อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในช่วง 2H61 ประกอบกับไตรมาส 3-4 จะเป็นช่วง High season ของการส่งออกเนื้อไก่ คาดปริมาณส่งออกจะเติบโตมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทมีปัจจัยเสี่ยงจากค่าเงิน real ของประเทศบราซิลซึ่งเป็นประเทศคู่แข่งในการส่งออกไก่ อ่อนค่าลงมาก ทำให้คู่แข่งสามารถส่งอออกไก่ได้ในราคาถูกกว่าโดยเปรียบเทียบ นอกจากนี้ราคาหุ้นปรับขึ้นมามากแล้วทำให้ Upside จำกัด แม้มีโอกาสที่นักวิเคราะห์จะทยอยปรับประมาณการและราคาเป้าหมายขึ้น
  • BGRIM (ปิด 26.25 บาท; ซื้อ; AWS TP 33.00 บาท) เตรียมย้ายที่ตั้งโรงไฟฟ้า 2 แห่ง "BGPR1-BGPR2" กำลังการผลิต 240 เมกะวัตต์ ไปอยู่นิคมฯ ที่ จ.อ่างทอง หลัง กฟผ. อนุมัติ ส่วนการต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้า 3 แห่ง "ABP1-ABP2-BPLC1" คาดได้ข้อสรุปภายใน ก.ย.นี้ (ข่าวหุ้น) ความเห็น: แม้จะมีปัจจัยบวกจากข่าวดังกล่าว แต่ยังมีปัจจัยลบจากราคาก๊าซธรรมชาติที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นใน 2H18 ในขณะที่ยังไม่มีการปรับค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft: Fuel Adjustment Charge (at the given time)) เพิ่มตามส่งผลให้ต้นทุนการผลิตในธุรกิจโรงไฟฟ้า SPP ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของบริษัทเพิ่มขึ้น   

ตลาดต่างประเทศ :

  • ตลาดหุ้นสหรัฐฯ: ดาวโจนส์ลดลง 76.62 จุด หรือ -0.30% ดัชนี Nasdaq ลดลง 10.64 จุด หรือ -0.13% และดัชนี S&P500 ลดลง 4.84 จุด, -0.17% เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเมื่อวานนี้สหรัฐและจีนต่างก็ประกาศบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ ความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับแรงกดดันจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งระบุว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน ก.ย. แม้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ พยายามวิพากษ์วิจารณ์นโยบายการเงินของเฟดก็ตาม
  • ตลาดหุ้นจีน : เซี่ยงไฮ้คอมโพสิตปิดบวก 10.01 จุด หรือ 0.37% ปิดที่ 2,724.62 จุด ภายหลังจากที่สหรัฐฯ และจีนต่างประกาศบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 ในอัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์


สินค้าโภคภัณฑ์ :

  • ราคาน้ำมันดิบ : WTI ลดลง 3 เซนต์ หรือประมาณ 0.04% ปิดที่ 67.83 ดอลลาร์/บาร์เรล; เบรนท์ ลดลง 5 เซนต์ หรือประมาณ 0.09% ปิดที่ 74.73 ดอลลาร์/บาร์เรล ความวิตกกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากนักลงทุนยังคงขานรับสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์
  • ซาอุดิ อารามโค : แหล่งข่าวระบุว่า ซาอุดิอาระเบียตัดสินใจยกเลิกการจดทะเบียนหุ้นซาอุดิ อารามโคทั้งในตลาดหลักทรัพย์ภายใน และภายนอกประเทศ ขณะที่มีการยุบคณะที่ปรึกษาเกี่ยวกับการทำ IPO ดังกล่าว อย่างไรก็ดี รัฐบาลซาอุดิอาระเบียได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว โดยซาอุดิอาระเบียชี้แจงว่า ทางรัฐบาลเพียงแต่เลื่อนแผนการดังกล่าวออกไปเท่านั้น 
  • ราคาถ่านหิน New Castle ร่วงหนัก : มาอยู่ที่ 111.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน ลดลงจากวันก่อนที่ 117.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อตัน
  • ราคาทองคำ : ลดลง 9.30 ดอลลาร์ หรือ 0.8% ปิดที่ 1,194.00  ดอลลาร์/ออนซ์ ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ รวมทั้งรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณว่า เฟดพร้อมที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า

บันทึกโดย : Adminวันที่ : 24 ส.ค. 2561 เวลา : 10:09:29

23-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 23, 2024, 8:34 pm