Market Summary 23/08/2018
Close
|
1,704.80
|
Volume
|
Bt394354M
|
Change
|
6.50
|
P/E
|
16.96
|
%Change
|
0.38%
|
P/BV
|
1.93
|
หุ้นแนะนำพิเศษ
XO (ราคาปิด 10.50 ซื้อ ราคาเหมาะสม 13 บาท)
- ฝ่ายวิจัยคาดอัตรากำไรขั้นต้น 3Q61 จะปรับตัวขึ้นราว 2-3% สู่ระดับ 39-40% จาก 1)ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวลง 34%YTD สู่ บริษัทได้ทำสัญญาซื้อน้ำตาลล่วงหน้ากับคู่ค้าไปจนถึงกลางปี 62 2)บริษัทได้ปรับราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ขึ้นเฉลี่ย 2% ตั้งแต่ 3Q61 เป็นต้นไป
- ปรับเพิ่มประมาณการปี 61-62 ขึ้น 36% และ 37% สู่ 183 ล้านบาทและ 206 ล้านบาท เนื่องจาก 2H61 เป็น High season ของบริษัท อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวขึ้นจาก 36.5% ใน 1H61 สู่ระดับ 39-40% ใน 2H61 จากการปรับขึ้นราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยและราคาน้ำตาลที่ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญเป็นปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโต
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยปรับเพิ่มราคาเหมาะสมเพิ่มขึ้นจาก 11.70 บาทสู่ 13.00 บาท อิง Prospective PE ที่ 25 เท่าปรับลงจาก 30 เท่าเนื่องจากมองว่าราคาหุ้นได้ตอบสนองความคาดหวังการเติบโตในปี 61-62 ไปแล้ว อีกทั้งคาดว่าปี 62 จะเติบโตช้าลง
Market View : พักตัว
หุ้นแนะนำพิเศษ : XO
หุ้นมีข่าว : PDI BGRIM SVI
Technical Insight : UV ACAP
SET Index สามารถยืนในแดนบวกได้ตลอดวัน ได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ปัจจัยในประเทศเรื่องตัวเลขส่งออกที่ยังเติบโตดี และแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติที่เบาบางลง ภาพรวม SET Index ปิดที่ 1,704.80 จุด (+6.50 จุด) Volume 3.9 หมื่นลบ. จาก Foreign Net 4.48 ลบ. TFEX Net -4,122 สัญญา ตราสารหนี้ +2,592 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดัชนีภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 54.4
+จำนวนผู้ขอสวัสดิการสหรัฐปรับตัวลง 2,000 ราย สู่ระดับ 210,000 ราย
+ผู้ว่า ธปท.ระบุ ศก.โตกระจายตัวมากขึ้นคาด H2/61 ฟื้นชัดเจน แต่ยังเสี่ยงสงครามการค้า-ค่าเงินสกุลหลักผันผวน
-ดาวโจนส์ปิดลบจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน
-น้ำมันปิดขยับลงจากความวิตกกังวลที่ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจจะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมัน
-การเจรจาการค้าสหรัฐและจีนคว้าน้ำเหลงส่งผลให้สงครามการค้าสองประเทศทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น วานนี้สหรัฐและจีนต่างบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างกันรอบที่ 2 อัตรา 25% วงเงิน 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
-ดัชนีภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ อ่อนตัวลงสู่ระดับ 55.0 และยอดขายบ้านใหม่สหรัฐลดลง 1.7% ในเดือนก.ค.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 1.93 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.87 บาท/US
**24 ส.ค.นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด มีกำหนดกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟด "แจ็กสันโฮล"
ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยกดดันหลักจากความล้มเหลวในการเจรจาการค้าสหรัฐ-จีน ร่วมด้วยตลาดหุ้นต่างประเทศและราคาน้ำมันปรับลดลง ขณะที่ปัจจัยหนุนจากตัวเลขศก.ในประเทศที่มีแนวโน้มดีมีน้ำหนักน้อย คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,692-1,711 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE XO CPF SSP SVI
- ค่าการกลั่นเริ่มปรับตัวขึ้น SPRC IRPC TOP BCP
- ROBINS HMPRO ครม.คง VAT ที่ 7% อีก 1 ปี
หุ้นมีข่าว
PDI Analyst Meeting (ราคาปิด 14) มุมมองลบ
ผลการดำเนินงานในช่วง 2Q61 พลิกขาดทุน 99.5 ลบ. จากกำไร 211 ลบ.ใน 2Q60 งวด 1H61 ขาดทุน 2.7 ลบ.พลิกจากที่มีกำไร 523 ลบ.ใน 1H60 เป็นผลกระทบจากรายได้ลดลง 12% อัตรากำไรขั้นต้นลดลงอย่างมากเหลือ 1-2% เทียบกับ 44% ในปี 60 จากการปรับสู่ธุรกิจค้าสังกะสีหลังสต๊อกสังกะสีหมดลง บริษัทรับรู้คชจ.จากการฟื้นฟูสภาพป่าหลังยุติธุรกิจสังกะสี 47 ลบ.ใน 2Q61 บวกกับคชจ.ทางการเงินเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ 1H61 อัตรากำไรสุทธิติดลบ 0.1% จาก +14% ในปี 60 ด้านกำลังผลิตไฟฟ้ารวมปัจจุบันยังอยู่ที่ 50 MW จากเป้าเพิ่มกำลังผลิตสู่ 150 MW ในปีนี้ แต่ยังไม่มีความคืบหน้าชัดเจน ทั้งนี้บริษัทมีแผนขายที่ดินที่จ.ระยองและจ.ตาก เพื่อนำมาใช้ลงทุนในธุรกิจหลักด้านพลังงานทดแทน
ความเห็น ผลการดำเนินงานผ่านจุดดีที่สุดไปแล้วในปี 60 ผลการดำเนินงานธุรกิจหลักในช่วง 2H61 ยังไม่เห็นสัญญาณฟื้นตัวชัดเจน แนะนำชะลอลงทุน
+ผลการดำเนินงานของ บจ.mai ครึ่งแรกปี 2561 กวาดยอดขายรวม 88,550 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.91% และมีกำไรสุทธิรวม 3,553 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.73% ระบุกลุ่มเทคโนโลยี กลุ่มบริการ และกลุ่มธุรกิจ การเงิน กำไรเติบโตโดดเด่น (ที่มา ทันหุ้น)
+IRPC ไตรมาส 3/2561 คาดกำไรต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2561 จ่อรับรู้รายได้ขายที่ดิน 160 ล้านบาท จากการร่วมทุนกับ WHA เล็งได้ข้อสรุป M&A กับคู่ค้าธุรกิจผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่นสิ้นปีนี้ มั่นใจต่อยอดธุรกิจเม็ดพลาสติกเกรดพิเศษหวังเพิ่มมูลค่าและกำลังผลิตในอนาคต(ที่มาทันหุ้น)
+BGRIM ลั่นมีความชัดเจนแล้ว เตรียมย้ายที่ตั้งโรงไฟฟ้า 2 แห่ง “BGPR1-BGPR2” กำลังการผลิต 240 เมกะวัตต์ ไปอยู่นิคมฯ ที่จ.อ่างทอง หลังกฟผ.ไฟเขียวทำได้ มั่นใจจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบตามแผนปี 64 ส่วนการต่ออายุสัญญาโรงไฟฟ้า 3 แห่ง “ABP1-ABP2-BPLC1” คาดได้ข้อสรุปภายใน ก.ย.นี้ (ที่มาข่าวหุ้น)
+SQ พ้นจุดต่ำสุดแล้ว ลุ้นเริ่มพลิกกลับมามีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 3/61 หนุนปีนี้พลิกมีกำไร 70 ล้านบาท หลังเคลียร์ปัญหาดินสไลด์-จ่ายค่าสายพาน-เร่งส่งมอบงาน จ่อซิวงานใหม่กว่า 45,000 ล้านบาท(ที่มาข่าวหุ้น)
+SVI ปรับเพิ่มเป้ารายได้ปีนี้มาที่ 1.58 หมื่นลบ. จากเดิมคาด 1.45 หมื่นลบ. หลังคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น
+FLOYD ได้งาน 2 โครงการใหม่จาก HMPRO รวมมูลค่า 77.39 ลบ.
+ SPA (ราคาปิด 15.3 ซื้อ ราคาเหมาะสม 19.2) โดดรับไฮซีซันท่องเที่ยว ชี้ลูกค้าเข้าใช้บริการอื้อ หนุนผลงานครึ่งปีหลังสดใส ย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 25% จากปีก่อน เดินเกมขยายสาขา 7-8 สาขา อัพฐานธุรกิจแกร่ง (ที่มา ทันหุ้น)
ความเห็น : เรามองว่ากำไรของ SPA จะกลับมาโตได้ตามเป้าการเติบโตที่เราคาดการณ์ไว้ที่ 30%YoY สู่ 227 ลบ. ถึงแม้ว่ากำไรสุทธิในช่วง 1H61 มีสัดส่วนเพียง 46% ของประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี แต่ในช่วง 2H61 เราคาดว่าบริษัทจะเติบโตได้ตามที่เราคาดการณ์ไว้ จากการเปิดสาขาเพิ่ม และจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดจะกลับมาเติบโตดีอีกครั้งในไตรมาส 4
+BA บอร์ด อนุมัติซื้อหุ้นคืนจากตลท.ไม่เกิน 40 ล้านหุ้นหรือจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 10% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ใช้เงิน 500 ลบ. เริ่ม 7 ก.ย.61 - 6 มี.ค.62
+SHREIT ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า สตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้มีแผนซื้อสินทรัพย์ใหม่ 2 แห่ง โรงแรมที่บาหลี และกัวลาลัมเปอร์ ลุยเพิ่มทุนกองทรัสต์ไม่เกิน 415 ล้านหน่วยและกู้ยืมเงินประมาณ 62.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2,081 ล้านบาท) เตรียมเสนอขายหน่วยเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหน่วยเดิมในสัดส่วนไม่ต่ำกว่า 50% และส่วนที่เหลือจะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป โดยอยู่ระหว่างการศึกษาเข้าซื้อโรงแรมในประเทศเวียดนามเพิ่มอีก 2-3 แห่ง คาดจะได้ข้อสรุปในปี 62
ข่าวเด่น