สภาวะตลาดวันที่ 28 สิงหาคม 2561 ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบที่ระดับ 1,207.80-1,213.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาทองคำแท่ง 96.5% ภายในประเทศขายออกอยู่ที่ 18,750 บาทต่อบาททองคำ โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 100 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,650 บาทต่อบาททองคำ ขณะที่โกลด์ฟิวเจอร์ส GFQ18 อยู่ที่ 18,800 บาท โดยราคาปรับตัวเพิ่มขึ้น 140 บาท จากวันก่อนหน้าที่ระดับ 18,660 บาท
(หมายเหตุ: ข้อมูลนี้จัดทำขึ้น ณ เวลา 16.10 น. ของวันที่ 28/08/61)
แนวโน้มวันที่ 29 สิงหาคม 2561
ข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าบางประเทศมีแนวโน้มคลี่คลายลง หลังจากสหรัฐได้บรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA)และสร้างความหวังว่าสหรัฐและแคนาดาที่เตรียมจะถกประเด็นการค้าในสัปดาห์นี้จะสามารถสรุปการเจรจาต่อรองได้ด้วยความสำเร็จ ขณะที่วานนี้ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐสนทนาผ่านทางโทรศัพท์กับนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ของเยอรมนี และแสดงท่าทีสนับสนุนอย่างจริงจังต่อการหารือต่อเนื่องระหว่างสหรัฐและสหภาพยุโรป(EU) เพื่อยกเลิกอุปสรรคการค้าต่างๆ และกระชับสัมพันธ์การค้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ข้อพิพาททางการค้าที่มีแนวโน้มคลี่คลายกระตุ้นแรงขายดอลลาร์ที่อยู่ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย(safe haven currency) จนสร้างแรงหนุนให้กับราคาทองคำ อย่างไรก็ดี สถานการณ์ดังกล่าวยังมีความไม่แน่นอนสูง โดยนายอาดัม ออสเทน โฆษกของรมว.ต่างประเทศแคนาดากล่าวว่า แคนาดาจะลงนามในข้อตกลง NAFTA ฉบับใหม่ก็ต่อเมื่อเป็นข้อตกลงที่เอื้อประโยชน์แก่แคนาดา ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงดำเนินต่อไป หลังจากล่าสุดสหรัฐเล็งจะเก็บภาษีล้อรถเหล็กกล้านำเข้าจากจีนหลังผลการสอบสวนเบื้องต้นพบว่า สินค้าเหล่านี้ได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน นอกจากนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า ทางจีนต้องการพูดคุยเรื่องการค้า แต่ขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการเจรจาทางการค้ากับจีน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของทรัมป์ถือเป็นการลดความคาดหวังที่สหรัฐจะมีข้อตกลงกับจีนในเร็วๆนี้ ส่งผลให้ราคาทองคำยังคงผันผวนในกรอบ ประกอบกับนักลงทุนกำลังจับตาการเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ที่แท้จริงประจำไตรมาส 2/2018 ของสหรัฐ คาดว่าจีดีพีสหรัฐอาจขยายตัว 4.0% โดยลดลงจากตัวเลขประมาณการครั้งแรกที่ 4.1% รวมไปถึงการเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดให้ความสำคัญ ทั้งนี้หากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งเกินคาดจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดซึ่งเป็นปัจจัยกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ดีหากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวเกินคาดจะยิ่งลดความวิตกเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินในเชิงรุกของเฟด จนกระตุ้นแรงซื้อทองคำให้ปรับตัวขึ้นได้เช่นกัน แนะนำให้ใช้กลยุทธ์เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นเป็นหลัก ราคาทองคำยังมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านในโซน 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากยืนไม่ได้ราคาอาจมีการปรับตัวลดลงมา หากไม่หลุดแนวรับ 1,194 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน ทางวายแอลจีมีมุมมองว่า ให้รอเข้าซื้อหากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดบริเวณแนวรับเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นจากการดีดตัว ประเมินแนวรับไว้ที่ 1,194 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำยังมีโอกาสทดสอบแนวต้านที่ 1,217 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดให้รอเข้าซื้อที่แนวรับถัดไปบริเวณ 1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สำหรับการทำกำไร ให้ดูว่าราคาจะผ่านแนวต้านได้หรือไม่ แต่ถ้าราคาทองคำสามารถทะลุผ่านแนวต้าน และรักษาระดับยืนเหนือกรอบราคาได้ แนะนำนักลงทุนที่ถือทองคำอยู่ให้ถือต่อไป ซึ่งราคาทองคำน่าจะสามารถขยับตัวขึ้นต่อไปได้ และหากราคาทองคำมีการปรับตัวลดลงมาไม่หลุดแนวรับแนะนำนักลงทุนสามารถทำการเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจะการดีดตัว
ทองคำแท่ง (96.50%)
แนวรับ 1,194 (18,350บาท) 1,182 (18,200บาท) 1,171 (18,000บาท)
แนวต้าน 1,217 (18,750บาท) 1,229 (18,950บาท) 1,235 (19,050บาท)
GOLD FUTURES (GFQ18)
แนวรับ 1,194 (18,500บาท) 1,182 (18,320บาท) 1,171 (18,150บาท)
แนวต้าน 1,217 (18,860บาท) 1,229 (19,050บาท) 1,235 (19,140บาท)
ข่าวเด่น