กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//Let Profit Run
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับใกล้เคียง 1,730 จุดตามคาดจากบรรยากาศการลงทุนที่เป็นบวกหลังสหรัฐฯและเม็กซิโกบรรลุข้อตกลงทางการค้า อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถทะลุผ่านได้และทำให้ดัชนีย้อนลงมาปิดทรงตัว แรงซื้อส่วนใหญ่ยังมาจากสถาบันในประเทศราว 2.7 พันลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่อเนื่องอีก 989 ลบ. (แต่ยัง Long ใน Index Futures ราว 3.8 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะแกว่งตัว Sideways หลังจากที่ไม่สามารถทะลุแนวต้านบริเวณ 1,730 จุดวานนี้ โดยประเด็นสำคัญในประเทศที่ต้องติดตามคืองาน Thailand Focus จะเริ่มต้นขึ้นวันนี้ ขณะที่การเลือกตั้งนายกฯย้ำว่าจะมีขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2019 หลังพ.ร.บ.ที่มาส.ส.และส.ว.ประกาศใช้แล้ว และใกล้ที่จะปลดล็อคพรรคการเมืองทำกิจกรรม จึงมองว้าหุ้นในกลุ่ม Domestic Play น่าจะสามารถ Outperform ตลาด
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic Play//ถือต่อ Let Profit
หุ้นเด่นเดือนส.ค. : BJC, BKD, INTUCH, RS, SC
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$386ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$228ล้าน ขณะที่ไหลออกจากไทย US$30ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังมีประเด็นบวกจากการเจรจาระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้าเพิ่มขึ้นหลายราย
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> BANPU <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 26 บาท
- แนวโน้มกำไร 3Q18 คาดทรงตัวใกล้ 2Q18 เพราะล็อคราคาขายถ่านหินไปเกือบหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม ในช่วง 4Q18 จนถึงปีหน้า จะได้ประโยชน์เต็มที่จากสัญญาซื้อขายถ่านหินฉบับใหม่ ที่อ้างอิงกับราคาถ่านหิน ณ ปัจจุบัน ล่าสุด +16% Y-Y อยู่ที่ US$112/ตัน
- Downside ในเชิง Valuation ค่อนข้างจำกัด PE2018 ต่ำเพียง 10 เท่า PEG แค่ 0.3 เท่า และ PBV ใกล้เคียง 1 เท่า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) Thailand Focus 2018 เริ่มวันนี้เป็นวันแรก โดยงานมีขึ้นระหว่าง 29-31 ส.ค. 18 ภายใต้ธีม The Future is Now หรือช่วงเวลานี้เหมาะสำหรับการลงทุนในประเทศไทยมากที่สุด เน้นประเด็น EEC in Action และ Retail Business Revolution โดยคาดว่าจะมีสถาบันทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมรับฟังมุมมองทางเศรษฐกิจของหน่วยงานภาครัฐฯ และเอกชนกว่า 250 แห่ง ซึ่งเราเอาข้อมูลสถิติมาย้ำอีกครั้ง ว่าถ้าอิงผลของการจัดงานในอดีตตั้งแต่ปี 2007 เราพบว่า SET จะปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 1.7% และ 3.9% ในช่วง 10 และ 15 วันหลังจากงานตามลำดับ โดยมีระดับความน่าจะเป็นในการให้ผลตอบแทนเป็นบวกสูงถึง 75% อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสัปดาห์นี้ SET ปรับขึ้นมารอแล้วกว่า 1% ประกอบกับทิศทางกระแสเงินยังไหลออกไปตลาด DM ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า Upside หลังจัดงานจึงอาจไม่ได้เปิดกว้างเหมือนอดีต
(-) อัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินขึ้นต่อเนื่อง โดยในที่นี้เราใช้ BIBOR อายุ 1 ปีเป็นตัวแทน ซึ่งล่าสุดเร่งตัวขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.98% ทำให้ Earning Yield Gap ลดลงเหลือ 3.87% จาก 4.19% ในช่วง Bottom ของ SET รอบล่าสุดเมื่อปลาย มิ.ย. 18 แถว 1,585 จุด ถ้าดอกเบี้ยในตลาดเงินยังขึ้นไม่หยุด Upside ของ SET จะจำกัดชั่วคราว เพื่อรักษา Earning Yield Gap ไม่ให้ต่ำกว่า 4% ที่เป็นค่าเฉลี่ยในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา การเคลื่อนไหวของ SET ในระยะถัดไปดูมีความเสี่ยงที่จะพักฐานระยะสั้น (ยืนยันว่าช่วงหลังจบงาน Thailand Focus อาจไม่ได้ขึ้นแรงเหมือนอดีต) แต่ประเด็นดอกเบี้ยขาขึ้นจะเป็นบวกกับแบงก์ใหญ่ Top ของเรายังเป็น KBANK (ราคาเป้าหมาย 235 บาท) และ BBL (ราคาเป้าหมาย 232 บาท)
(+) กลุ่มการแพทย์ แนวโน้มกำไร 3Q18 คาดว่าจะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีจากอานิสงส์ของ High Season อย่างไรก็ตามการเติบโตในแง่ Y-Y คาดว่าจะไม่สูงเท่ากับช่วง 1H18 เนื่องจากฐานใน 2H17 ที่เริ่มสูงทั้งกลุ่มผู้ป่วยเงินสดที่ฟื้นตัวและกลุ่มประกันสังคมที่ได้อานิสงส์จากการปรับเพิ่มเงินแล้ว อย่างไรก็ตามคาดว่ายังเห็นการเติบโตในระดับที่แข็งแกร่งทั้ง Q-Q และ Y-Y โดยปัจจัยหนุนหลักมาจากการบริโภคในประเทศที่เติบโตชัดเจน ซึ่งจะยังทำให้โรงพยาบาลที่มีฐานลูกค้าในประเทศเป็นหลักคาดว่ายังเติบโตได้เด่นกว่าโรงพยาบาลที่มีฐานลูกค้าต่างประเทศสูง เรามองกำไรกลุ่มการแพทย์ในปี 2018 ยังคงแข็งแกร่งและเติบโตเร่งตัวขึ้นเป็น 15.4% Y-Y และยังคงน้ำหนักการลงทุน Overweight แนะนำซื้อ BDMS (ราคาเป้าหมาย 29 บาท) CHG (ราคาเป้าหมาย 2.70 บาท) และ EKH (ราคาเป้าหมาย 7 บาท)
(0) PLANB หลัง 2Q18 กำไรโต 10% Q-Q, 26% Y-Y และ 1H18 กำไรโต 32% เราคงมองบวกต่อแนวโน้มกำไร 3Q18 โตดีต่อเนื่อง ตามปกติรายได้จะสูงในช่วง 2Q-3Q ของปี และการเติบโตของตลาดโฆษณาสื่อนอกบ้าน ที่ดีกว่าตลาดโฆษณาโดยรวม รวมทั้งการขยายพื้นที่สื่อดิจิตอลในทำเลยุทธศาสตร์หลักๆ อีกทั้งการซื้อหุ้น 19.48% ใน BMN บ.ย่อยของ BEM ที่ทำธุรกิจสื่อในรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT จะเพิ่มโอกาสได้บริหารสื่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนขยายในอนาคต อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมาขึ้นมาจน Upside จำกัด เมื่อเทียบกับราคาเป้าหมายที่ 7.10 บาท จึงปรับคำแนะนำลงจากซื้อเป็นถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
29 ส.ค.
|
- สหรัฐฯ: 2Q18 GDP (ครั้งที่ 2)
|
29-31 ส.ค.
|
- ไทย: Thailand Focus 2018
|
31 ส.ค.
|
- จีน: ดัชนี PMI ภาคการผลิต (ส.ค.)
|
(+) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นทำจุดสูงสุดได้อีกครั้ง หลังจากผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 18 ปี นอกจากนี้ตลาดยังคาดหวังว่าสหรัฐและแคนาดาจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้
(0) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวผสมผสาน แม้จะมีความคาดหวังเรื่องข้อตกลงทางการค้า แต่ก็ถูกประเด็นเรื่องปล่อยกู้ให้ตุรกีกลับมากดดันอีกครั้ง
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย จากความคาดหวังของนักลงทุนว่าสหรัฐและประเทศจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากันได้
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 32.65 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.34 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.53 ดอลลาร์/บาร์เรล จากการขายทำกำไรก่อนสหรัฐจะเปิดเผยสต็อคน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ และจากการแข็งค่าขึ้นของดอลลาร์สหรัฐ
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น 0.15 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 6.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. ลดลง 1.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1207.40 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้น
ข่าวเด่น