ตลาดอาจชะลอช่วงสั้นจากโอกาสขึ้นดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้น

  ภาพรวมราคาสินทรัพย์เสี่ยงยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากความเป็นไปได้ที่ สหรัฐ-เม็กซิก-แคนาดา จะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ฉบับใหม่ได้ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามการคลี่คลายของปัญหาสงครามการค้า ประกอบกับตัวเลขความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ส.ค.ที่ 133.4 จุด สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเหลือ 126.7 จุด และสูงสุดในรอบ 18 ปี เพิ่มคาดการณ์ต่อการขยับขึ้นดอกเบี้ยของเฟด 
  สำหรับตลาดหุ้นไทย ระยะสั้นอาจมีแรงขายทำกำไรสลับจากการขึ้นทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1730-1740 จุด รวมถึงผันผวนตามปัจจัยภายนอก อย่างไรก็ตามคาดจิตวิทยาการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ได้รับปัจจัยบวกจากงานไทยแลนด์โฟกัสที่จะเริ่มวันนี้ ขณะที่มาตรการเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ จะทำให้กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน กอง REIT และหุ้นที่ให้ปันผลสูงมีความจูงใจมากขึ้น หุ้นที่น่าสนใจได้แก่ PTT, PTEP, AEONTS*, BBL, SCB, ROBINS, BJC*, PSH, AP, STEC, CK, CHG, BCH/ที่ยังขึ้นน้อย WHA, AMATA, TKN*, TISCO, MC*
  กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง รวมถึงรถไฟฟ้า คาดได้อานิสงค์จากการที่รฟม.เตรียมเสนอเปิดประมูลก่อสร้างและงานเดินรถไฟฟ้าส่ายสีส้มเหนือ-ใต้ วงเงิน 1.4 แสนล้านบาท เป็นบวกต่อ CK และ BEM ขณะที่เป็นบวกต่อจิตวิทยา ขณะที่โครงการขนาดใหญ่อื่นๆ เป็นบวกต่อผู้รับเหมาที่เหลือ อาทิ STEC, PYLON, SEAFCO 
Investment Theme กลุ่ม domestic plays รับแผนการเลือกตั้งที่ชัดเจน BBL, SCB, ROBINS, BJC, PSH, AP, STEC / หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, PSTC*, DTC*, EASTW* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG / กลุ่มการแพทย์ที่เน้นลูกค้าในประเทศ CHG, BCH 
ภาพรวมกลยุทธ์: คาดเริ่มมีแรงทำกำไรสลับ กดดันตลาดแกว่งตัวในกรอบ 1710-1725 จุด // หุ้นแนะนำวันนี้ AEONTS*, CK / เก็งกำไร BEM* (เป้า 8.90 ตัดขาดทุน 8.3), MC* (เป้า 13.50 ตัดขาดทุน 12.20)
แนวรับ 1710 / แนวต้าน : 1725-1730 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

ประเด็นการลงทุน
ปลดล็อคการเมือง - คสช.คลายล็อก 9 ข้อให้พรรคการเมืองทำกิจกรรม ก.ย.-ธ.ค.61 ก่อนปลดล็อกสิ้นปี "บิ๊กตู่" ยันออก ม.44 หลังโปรดเกล้าฯ พ.ร.ป.ส.ส.-ส.ว. ด้าน กกต.เดินหน้าแบ่งเขต-ไพรมารีโหวต 
ภาคธุรกิจ'เชื่อมั่น'ลุ้นปรับเป้าเอ็มพีไอ - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (เอ็มพีไอ) เดือน ก.ค. 2561 ขยายตัว 4.64% อยู่ที่ระดับ 112.60 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ระดับ 107.61 ซึ่งขยายตัวเป็นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 15
กสิกรตั้ง'ไปรษณีย์'แบงกิ้งเอเยนต์ - รับฝากเงินสดสูงสุด 2 หมื่นต่อรายการ และไม่เกิน 4 หมื่นต่อวัน  คิดค่าธรรมเนียม 10 บาทต่อรายการจนถึงสิ้นปีก่อนขยับเป็น 20 บาท เผยอนาคต จะให้บริการเหมือนสาขาธนาคาร ทั้งถอนเงิน  จ่ายบิล และเปิดบัญชีรายย่อย ตั้งเป้าธุรกรรม 1.5 แสนรายการสิ้นปีนี้  เพิ่มเป็น 6 แสนรายการใน 3 ปี 
เก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ - ครม.ไฟเขียวแก้กฎหมายจัดเก็บภาษีเงินได้กองทุนรวมตราสารหนี้ ให้เท่ากับภาษีดอกเบี้ยเงินฝาก และ การซื้อตราสารหนี้เองโดยตรงที่ 15% เพื่อความเป็นธรรมของผู้ลงทุน ระบุรัฐได้รายได้เพิ่ม 1.6-2.5 พันล้านต่อปี
MC (Not rated) - จะใช้เงินไม่เกิน 120 ลบ. ซื้อหุ้นคืนจากตลท.ไม่เกิน 1% เริ่ม 12 ก.ย.61-11 มี.ค.62
ประเด็นติดตาม: 29-31 ส.ค. งานไทยแลนด์โฟกัส / 29 ส.ค. – GDP ไตรมาส 2/61 สหรัฐฯ / 31 ส.ค. – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ปัจจัยที่ต้องติดตาม  
29-31 ส.ค. - งานไทยแลนด์โฟกัส
28 ส.ค. – ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐ เดือน ส.ค.
29 ส.ค. – สหรัฐเผยตัวเลข GDP ไตรมาส 2/61 (Pre)
31 ส.ค. – ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย

ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ

• AEONTS* (200) : ได้ประโยชน์จากการบริโภคที่ฟื้นตัว ขณะที่ราคาหุ้นซื้อขายด้วย valuation ที่น่าสนใจเพียง 13x PER ขณะที่การเติบโตของกำไรสูงกว่า 20% หรือซื้อขายด้วย PEG ต่ำกว่า 1 เท่า
• CK (30) : คาดได้ประโยชน์จากการลงทุนโคงสร้างขขนาดใหญ่ ขณะที่การเปิดประมูลสายสีส้มเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัทลูกอย่าง BEM
• BEM* (8.90) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 8.30 บาท
• MC* (13.50) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 12.20 บาท
• หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: กลุ่มธนาคาร / กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ / SF, CPN, MINT, PF, TIP*, SGP*, BDMS, MBK*, MTC, TK, GUNKUL*, PSTC*(ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)