กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//Accumulate on Weakness
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index เปิดตลาดอ่อนตัวลงจากบรรยากาศการลงทุนที่ไม่สดใสนักหลังทรัมป์หนุนเดินหน้าเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติม รวมถึงความกังวลวิกฤตค่าเงินในตุรกีและอาร์เจนตินา อย่างไรก็ตามกรอบการลบถือว่าไม่กว้างนักและดัชนีสามารถรีบาวด์ขึ้นในช่วงบ่ายและพลิกมาปิดบวกได้เล็กน้อย สถาบันในประเทศซื้อสุทธิอีกเล็กน้อย 388 ลบ. ส่วนนักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิต่ออีก 680 ลบ. (และ Short ใน Index Futures ราว 1.2 พันสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะแกว่งตัว Sideways Down จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังไม่สดใสนัก โดยปัจจัยกดดันยังคงมาจากประเด็นการค้าโลกทั้งการเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดาที่ยังไม่ได้ข้อสรุป รวมถึงต้องจับตาดูแผนการของสหรัฐฯในการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญหลังทำประชาพิจารณ์เสร็จวันที่ 6 ก.ย. เราจึงยังคงมุมมองว่าหุ้น Domestic Play จะยังสามารถ Outperform ตลาดได้จากพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศที่แข็งแกร่งและการเมืองที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพในปัจจุบัน
กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้น Domestic Play//ทยอยสะสมหุ้นเพิ่มในช่วงอ่อนตัว
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$499ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$451ล้าน ขณะที่ไหลออกจากอินโดนีเซีย US$29ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลออก US$21ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคจากความกังวลสงครามการค้าที่เพิ่มขึ้นอีก
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CHG <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.86 บาท
- โมเมนตัมการเติบโตของกำไรใน 2H18 ยังคงแข็งแกร่งทั้ง H-H และ Y-Y จากอานิสงส์ของ High Season และฐานปีก่อนที่ยังไม่สูง โดยผู้ป่วยเงินสดยังมีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นต่อเนื่องและเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนกำไร
- คาดกำไรปกติทั้งปี 2018 +27.6% Y-Y เป็น 722 ลบ. โตโดดเด่นกว่าเฉลี่ยของกลุ่มการแพทย์ที่ราว 16% Y-Y ส่วนปีหน้าคาด +9% Y-Y อยู่ที่ 788 ลบ.
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) มุมมองตลาดหุ้นเดือน ก.ย. เราคาดว่า SET index เดือนนี้จะขยับขึ้นได้ด้วยพื้นฐานในประเทศที่แข็งแกร่งทั้งเศรษฐกิจโดยเฉพาะการจับจ่าย การเลือกตั้งที่ชัดขึ้น การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและ EEC เดินหน้า อัตราดอกเบี้ยที่เข้าสู่วัฏจักรขาขึ้น ส่วนความเสี่ยงจากต่างประเทศไม่ได้หายไปไหนแต่รับรู้ไปในราคาบ้างแล้ว ทั้งสงครามการค้า การอ่อนค่าของค่าเงินในตลาด EM และโอกาสที่เงินบาทจะกลับมาแข็งค่าเพราะการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ปลายเดือน การเลือกหุ้นในเดือนนี้ยังคงเน้นหุ้นในประเทศที่มีประเด็นบวกเฉพาะตัว ได้แก่ ASK (ราคาเป้าหมาย 26.20 บาท), CHG (เป้าหมาย 2.86 บาท), CPALL (เป้าหมาย 84 บาท), PRM (เป้าหมาย 9 บาท), CK (เป้าหมาย 34 บาท)
(+) ตัวเลขจ้างงานของไทยเพิ่มขึ้น สศช. เผยอัตราการจ้างงาน 2Q18 +0.9 Y-Y โดยการจ้างงานภาคการเกษตร +3% Y-Y จากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ส่วนนอกภาคเกษตรยังทรงตัว Y-Y แต่มีการจ้างเพิ่มในภาคอุตสาหกรรมการผลิตและโรงแรม ขณะที่ ภาคก่อสร้างยังปรับตัวลง สะท้อนการลงทุนภาคเอกชนที่ยังไม่ขยับ แนวโน้ม 2H18 อาจโตชะลอเพราะถูกกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ส่วนหนี้สินภาคครัวเรือนยังขยับขึ้น แต่ NPL ปรับตัวลงเหลือ 2.72% จาก 2.78% ใน 1Q18 ถือเป็นปัจจัยบวกกับกลุ่มค้าปลีก เช่น CPALL (เป้าหมาย 84 บาท) และสินเชื่อรายย่อย เช่น MTC (เป้าหมาย 54 บาท)
(0) กลุ่มยานยนต์ ประเด็นการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์จาก EU ของสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา แต่ถ้าอิงแบบแผนการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและเม็กซิโกถือว่าดูผ่อนคลายลง โดยสหรัฐฯอาจยื่นข้อเสนอให้ EU นำเข้าวัตถุดิบเช่นเหล็กและอะลูมีเนียมจากสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการไม่ขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ทั้งคัน ซึ่งแม้จะทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น แต่ดีกว่าการถูกจัดเก็บภาษีที่ตัวรถยนต์ ถือเป็น Sentiment เชิงบวกต่อกลุ่มยานยต์ แต่เรายังแนะนำเพียง Neutral เพราะแนวโน้ม 2H18 จะโตไม่โดดเด่น Top Pick ยังเป็น PCSGH ราคาเป้าหมาย 11 บาท
(0) AH ผลจากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เร่งตัวขึ้นมากกว่าคาด และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกที่อ่อนตัวลง ทำให้เราปรับกำไรสุทธิปี 2018-2019 ลง 9% และ 6% เหลือ 1,285 ลบ. (+11% Y-Y) และ 1,336 ลบ. (+4% Y-Y) ตามลำดับ ส่งผลให้ราคาเป้าหมายปี 2018 ลดลงจาก 47 บาท เหลือ 40 บาท อิง PE Multiplier 10 เท่า โดยเรามองว่ากำไรสุทธิได้ผ่านช่วงเติบโตสูงไปแล้ว แนวโน้ม 2H18 จะไม่โดดเด่น (คาด -6% Y-Y เหลือ 583 ล้านบาท) เพราะเทียบบนฐานกำไรที่มีการรับรู้ดอกเบี้ยจาก SGAH เหมือนกัน อีกทั้ง ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทลูกจะยังถูกกดดันจากการขยายการลงทุนของ SGAH ในสหรัฐฯ ขณะที่ การลงทุนในวินฟาสท์ที่เวียดนามคาดว่าจะส่งผลบวกเล็กน้อย เพราะยอดผลิตแท่นพิมพ์และอุปกรณ์จับยึดในช่วงแรกยังไม่สูงนัก
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
3 ก.ย.
|
- ไทย: อัตราเงินเฟ้อ
|
4 ก.ย.
|
- สหรัฐฯ: ISM ภาคการผลิต (ส.ค.)
|
5 ก.ย.
|
- สหรัฐฯ: ดุลการค้า (ก.ค.)
|
6 ก.ย.
|
- สหรัฐฯ: พิจารณาจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนมูลค่า 2 แสสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของ ADP (ส.ค.)
|
7 ก.ย.
|
- สหรัฐฯ: ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร (ส.ค.)
|
8 ก.ย.
|
- จีน: ดุลการค้า (ส.ค.)
|
(-) ตลาดหุ้นดาวโจนส์ปรับตัวลง หลังสหรัฐยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับแคนาดาได้
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง หลังจากนายกของอังกฤษยืนยันว่าจะไม่มีการลงคะแนนเรื่อง Brexit รอบที่ 2
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง โดยตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐและแคนาดา รวมไปถึงเรื่อง Brexit ที่ยังไม่มีข้อสรุป
(-) ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่บริเวณ 32.77 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.45 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 69.80 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐที่ปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 3 สัปดาห์
(-) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวลดลง ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.59 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 2.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1200.30 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น