Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET แกว่งตัวในกรอบแคบ โดยหุ้นใหญ่หลายตัวแกว่งตัวในกรอบด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบางอทิ AOT, PTT, PTTEP ในขณะที่หุ้นขนาดกลาง-เล็ก หลายตัวกลับมามีแรงซื้อส่งผลให้เกิด Technical rebound นำโดย CBG, TASCO, TTCL, AU, DDD ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,721.2 จุด (-0.3 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 3.6 หมื่นลบ. ลดลงจากวันก่อนหน้าที่ 4.7 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยที่ 1,854 ล้านบาท และกลับมาเปิดสถานะ Long SET50 index future ที่ 1,240 สัญญา
Investment theme
ประเมิน SET แกว่งในกรอบด้วยมูลค่าซื้อขายเบาบาง : ในสัปดาห์นี้เราประเมินว่า SET จะแกว่งตัวในกรอบแคบด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบาง เพื่อรอความชัดเจนของการยกระดับวงเงินภาษีนำเข้าสินค้าระหว่างสหรัฐ-จีน กว่า 2.0 แสนล้านเหรียญสหรัฐ โดยเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-แคนาดาไม่เป็นผล ภายหลัง Trump ออกมากล่าวถึงความขัดแย้งในหลายประเด็น พร้อมกล่าวในเชิงสัญลักษณ์ถึง American First นั่นหมายถึงการยืนกรานและตั้งเป้าลดการขาดดุลการค้ากับนานาประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่าอีกครั้ง เป็นเหตุให้หลายสกุลเงินในตลาดเกิดใหม่อ่อนค่าทำระดับสูงสุดในรอบหลายปี ล่าสุดค่าเงินอาร์เจนติน่า (YTD -52%), ตุรกี (YTD -42%), บราซิล (YTD -20%), แอฟริกาใต้ (YTD -16%), อินโดเนเซีย (YTD -10%) ประเด็นดังกล่าวถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันการขายทำกำไรของนักลงทุนต่างชาติในตลาดเกิดใหม่ และแม้ว่าไทยยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และมีเสถียรภาพของค่าเงินสูง ( YTD ติดลบเพียง 0.6%) แต่อาจโดนขายพ่วงเป็น Basket เป็นเหตุให้เราประเมินว่าตลาดหุ้นเดือนกันยายนอาจแกว่งตัวลักษณะคล้ายสิงหาคม
Investment Theme : เราประเมินกรอบ SET เดือนกันยายน บริเวณ 1,690-1,730 จุด พร้อมถือเงินสดไม่ต่ำกว่า 40% โดยยังมีปัจจัยต่างประเทศกดดันอยู่พอสมควร นำโดย การอ่อนค่าของสกุลเงินใน EM , สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่มีมาที่รุนแรงขึ้น จากเหตุผลด้านบนเป็นเหตุให้เราแนะ Switch กลุ่ม Goods (ที่มีความเสี่ยงต่อสงครามการค้า) เข้าลงทุน Domestic พร้อมจับตาความผันผวนของค่าเงินในประเทศ EM มีผลโดยตรงต่อตลาดทุน และการปรับประมาณการ (Roll-over) ไปใช้ราคาเหมาะสมปีหน้าในหลายบริษัทฯ อาจเป็น Catalyst สนับสนุนแนวรับ
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ก.พาณิชย์รายงานตัวเลขเงินเฟ้อเดือนส.ค. เติบโต 1.62% สูงกว่าที่ตลาดคาดเป็นผลจากอาหารสดและพลังงาน (8 เดือนเติบโต 1.12%) / Abe เตรียมเดินทางพบ Putin, Xi Jinping / ค่าการกลั่นกลับมาเด้งที่ระดับ 6.29% (+12.5%) / จีนเตรียมหันลงทุนแอฟริกา 6.0หมื่นล้านเหรียญ
Stock pick : III
III : เก็งกำไร 7.00-7.35 บาท/หุ้น
2Q61 กำไร +38 ลบ. +48% QoQ -11% YoY เป็นการสะท้อนว่า จุดต่ำสุดได้ผ่านมาแล้วใน 4Q60 ที่ +20 ลบ. ก่อนไต่ขึ้นเป็น +26 และ +38 ลบ. ตามลำดับ ซึ่ง “ดีกว่าคาด” ของ ผบห. และ ตลาด
แนวโน้ม 2H61 เด่น เพราะ (1) เข้าฤดูขนส่ง (2) อัตรากำไรขั้นต้นคาดกลับไประดับ 20% จาก 17% ด้วยต้นทุนต่อหน่วยลดลงจากการใช้ IT S/W (3) ค่าเงินบาทอ่อนค่า -4% เป็น 33.2 บาท/ เหรียญ หนุนธุรกิจขนส่งทางอากาศ สัดส่วน 72% ของรายได้รวม (4) ขนส่งทางทะเล ยังไม่พบปัญหา trade war, volume ใน Intra Asia โตดีจากพาร์ทเนอร์ท่าเรือจีน Rizhao และบริษัทร่วม (5) ลุ้น บจก.ไปรษณีย์ไทย กลับมาใช้บริการ 4Q61 หลังหยุดไปเมื่อ ก.ย. 60 หนุนรายได้ปีหน้าอีก 10% จากฐานปีนี้
แนะเก็งกำไรกรอบ 7.00-7.35 บาท/หุ้น พร้อมตัดขาดทุน หากต่ำกว่า 6.00 บาท
Trading idea – แนะทยอยสะสม PRM (ราคาเป้าหมาย 13.80 บาท/หุ้น) คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุด และฟื้นตัวเด่นใน Q3 จากการรับรู้รายได้ Big sea / เก็งกำไร GOLD ทยอยสะสมบริเวณ 9.90 บาท
Technical View
ในวันมองกรอบการแกว่ง 1715-1730: ดัชนีแกว่งตัวในกรอบแคบ และยังติดโซนแนวต้านเดิมที่ 1730 เนื่องจากแนวโน้มหลักขณะนี้ยังเป็นการกลับตัวขึ้นแบบ Head and Shulders หัวกลับ และดัชนียังยืนหนือ Neckline ที่ 1706 จึงยังคาดว่าดัชนีมีโอกาสปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน 1730 ภายในวันยังมองกรอบการแกว่ง 1715-1730 ระยะกลางหากอ่อนตัวไม่หลุด 1706 ยังมองว่าเป็นขาขึ้น จังหวะอ่อนตัวเป็นโอกาสซื้อสะสมหุ้นตามแนวรับ กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : Trading ในกรอบ 1715-1730 เน้นรอซื้อที่แนวรับ และขายทำกำไรที่แนวต้านเพื่อเล่นรอบ พิจารณาแรงขายที่ 1730 และ 1750 2) ไม่มีหุ้น : จังหวะอ่อนตัวหากไม่หลุด 1715 แนะนำทยอยสะสมหุ้นเพื่อ Trading ในกรอบ 1715-1730
แนวรับ : 1706, 1715 แนวต้าน : 1730, 1750
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: ยุโรป, อังกฤษ, สหรัฐรายงาน PMI
ปัจจัยในประเทศ: คลื่น 850Mhz ของ DTAC จะหมดสัมปทาน
หุ้นเทคนิค:
TISCO (B 82.00-83.00, Tp 86.00//89.00, Cut 81.00)
TASCO (B 15.50, Tp 16.50, Cut 15.20)
ข่าวเด่น