“ แกว่งตัว รอผลการเจรจา ”
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET วานนี้แกว่งตัวแคบปิดทรงตัวที่ 1,721 จุด ลดลง 0.37 จุด (-0.02%) ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36,963 ล้านบาท เนื่องจากขาดปัจจัยกระตุ้นการลงทุน นอกจากนี้ยังถูกแรงกดดันจากประเด็น Trade war หลังสหรัฐ-แคนาดายังไม่สามารถได้ข้อสรุปการค้าเสรี NAFTA อีกทั้งสหรัฐเตรียมเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ส่งผลให้ภาวะการลงทุนเงียบเหงา ทั้งนี้ Foreign ขายสุทธิ 7 วันติดต่อกันอีก 1,854 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX 1,240 สัญญา และซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,111 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : เรามีมุมมองเป็นกลาง คาดดัชนีแกว่งตัว 1,715 – 1,730 จุด เนื่องจากขาดปัจจัยใหม่หนุนการลงทุน ประกอบกับคาดว่านักลงทุนจะชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนการเจรจาการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) ระหว่างสหรัฐและแคนาดารอบใหม่ในวันพรุ่งนี้ (5 ก.ย.) หลังจากไม่ได้ข้อสรุปในการเจรจาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ความกังวลสหรัฐประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบใหม่วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ หากได้ข้อสรุปการทำประชาพิจารณ์ในวันที่ 6 ก.ย. ซึ่งส่งผลให้ Fund Flow ต่างชาติยังคงขายสุทธิต่อเนื่องตลอด 7 วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันที่ทรงตัวระดับสูง 70 US/Barrel จะช่วยหนุนให้ดัชนีรีบาวด์ในจังหวะที่อ่อนตัว
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
กลุ่มพลังงาน (PTTEP, TOP, PTTGC ) ราคาน้ำมันยืนเหนือ 70 US/Barrel
กลุ่มอาหาร (CPF, GFPT, TU) อิเล็คทรอนิกส์ (HANA, KCE, SVI) และ EPG คาดผลประกอบการ 3Q18 เติบโตจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง
กลุ่มรับเหมา, นิคม (STEC, AMATA, BEM) ได้ประโยชน์จากกรอบเวลาการเลือกตั้งที่ชัดเจน รวมถึงการประมูลโครงการใหญ่ภาครัฐที่เร่งตัวในช่วงครึ่งปีหลัง
หุ้นแนะนำวันนี้ : TK (ปิด 11.5 ซื้อ/เป้า 14) ได้ Sentiment บวกจากรายงานยอดขายรถมอเตอร์ไซต์เดือนส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 171,490 คันเพิ่มขึ้น 4%yoy นับเป็นการเพิ่มขึ้น yoy เป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน, TKN (ปิด 16.2 ซื้อ/เป้า 21.5) คาดกำไร 2H18 จะโตทั้ง yoy และ hoh จากการเข้าสู่ช่วง High season, กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจากการเริ่มผลิตของโรงงานใหม่ (เฟส3) และได้ประโยชน์จากราคาวัตถุดิบที่ปรับตัวลง, DCC (ปิด 2.66 ซื้อ/เป้า 3.1) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วจากยอดขายและมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น และยังเปิดแผนธุรกิจใหม่ (one stop center) เพิ่มรายได้ประจำลดความผันผวนของผลประกอบการ
Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH
KSS report วันนี้ : ASAP (ปิด 6.25 ลดเกรดเป็นถือ/เป้าใหม่ 6.3 จาก 6), SPALI (ปิด 24.1 ซื้อ/เป้าใหม่ 30 จาก 27), Finance Sector (OVERWEIGHT)
ประเด็นสำคัญวันนี้ :
(-) อัตราเงินเฟ้อไทยพุ่งสู่ระดับ 1.62% สูงสุดในรอบ 3 ปี กดดันแบงก์ชาติขึ้นดอกเบี้ยในระยะถัดไป เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร (Top pick : BBL, KKP) : กระทรวงพาณิชย์รายงานตัวเลขอัตราเงินเฟ้อทั่วไป (headline inflation) ของไทยในเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 1.62% จาก 1.46% ในเดือน ก.ค. สูงกว่าที่แบงก์กรุงศรีและตลาดคาดไว้ที่ 1.51% และนับเป็นอัตราเงินเฟ้อรายเดือนที่สูงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี เป็นผลจากการสูงขึ้นของราคาอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึงราคาน้ำมัน อย่างไรก็ตามเราคาดว่าปัจจัยนี้จะยังไม่เร่งให้แบงก์ชาติรีบตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนนี้ เนื่องจากเชื่อว่าแบงก์ชาติจะรอดูทิศทางอัตราเงินเฟ้ออีกระยะก่อน โดยแบงก์กรุงศรีฯคาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนถัดไปอาจจะชะลอตัวลงจากฐานที่สูงในปีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับตัวเลข GDP ไตรมาส 3 ที่อาจจะชะลอตัวลงจากแรงกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ดังนั้นเราคาดว่าช่วงเวลาที่เหมาะสมที่แบงก์ชาติจะขึ้นดอกเบี้ยน่าจะอยู่ในช่วงปลายปี (พ.ย.หรือ ธ.ค.)
(-) ดัชนี PMI ภาคการผลิตของประเทศเศรษฐกิจหลักยังลดลงต่อ สะท้อนความกังวลต่อปัญหา Trade war ที่มากขึ้น : วานนี้จีนและประเทศเศรษฐกิจหลักในยุโรปรายงานดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือน ส.ค. โดยดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีนโดย Caixin ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.6 จาก 50.8 ในเดือน ก.ค. และลดลงใกล้ระดับ 50 (ต่ำกว่า 50 สะท้อนการหดตัวของการผลิต) ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตของเยอรมนีปรับตัวลงสู่ระดับ 55.9 จาก 56.9 ส่งผลให้ดัชนี PMI ภาคการผลิตของยูโรโซน ลดลงสู่ระดับ 54.6 จาก 56.9 ในเดือนก่อนหน้า ดัชนี PMI ที่ลดลงในหลายประเทศสะท้อนภาคการผลิตที่ลดลงจากความกังวลต่อปัญหาสงครามการค้าที่ยืดเยื้อ
(-) สัปดาห์นี้ Trade war ยังตึงเครียดต่อ จับตาสหรัฐเจรจาแคนนาดา และโดนัล ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่ 2 แสนล้านดอลลาร์ในสัปดาห์นี้ : Trade war จะยังกดดันตลาดเนื่องจากสัปดาห์นี้จะมีการเจราคลี่คลายปัญหาการค้าระหว่างสหรัฐและแคนนาดา คาดว่าจะได้ข้อสรุปในวันพุธนี้ (ยังมีความไม่แน่นอนเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วไร้ข้อสรุป) ตามด้วยวันพฤหัสบดีสหรัฐจะสรุปผลการทำประชาพิจารณ์จากภาคส่วนต่างๆ หากออกมาในแนวทางที่เห็นด้วยกับโดนัล ทรัมป์ คาดการณ์กันว่าสหรัฐจะประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนรอบใหม่มูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ทันทีในวันดังกล่าว กดดันให้นักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงและรอดูผลสรุปที่ชัดเจน
ข่าวเด่น