สรุปภาวะตลาดวันก่อน : SET -6.80 จุด ไร้ปัจจัยใหม่, รอติดตามการเจรจาการค้า

  SET แกว่ง +/- ในกรอบแคบ 1713-24 อ่อนตัว 2 วันติด ท่ามกลางมูลค่าซื้อขาย 4.4 หมื่นลบ. ภาพรวมนลท.ชะลอการลงทุนรอติดตามการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ-แคนาดา และสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีน ต่างชาติขายสุทธิ 181 ลบ. 8 วันติด และพลิก Short S50 Futures 5,104 สัญญา

ทิศทางตลาดวันนี้ : อ่อนตัวลงต่อ กังวลสงครามการค้า, วิกฤติเงิน EM อ่อนค่า
  หุ้นโลกเมื่อวาน (4 ก.ย.) ปรับลง ห่วงการกีดกันการค้าจะรุนแรงขึ้น ทั้งสหรัฐฯ-จีน และสหรัฐฯ-แคนาดา นอกจากนี้ตลาดยังถูกกดดันจากการอ่อนค่าของเงินปท.ใน EM รอบใหม่ โดยค่าเงินอาร์เจนตินา, อินโดนิเซียและอินเดียอ่อนค่าสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI +7 เซนต์ ปิดที่ 69.87$/bbl จากพายุ Gordon เตรียมพัดเข้าสู่สหรัฐฯ ซึ่งอาจกระทบต่อกำลังผลิตน้ำมันดิบ มอง SET มีแนวโน้มแกว่งในทิศทางอ่อนตัวลง จากปัจจัยกดดันภายนอก อย่างไรก็ดี เชื่อว่าการปรับตัวลงของ SET เป็นไปอย่างจำกัด จากปัจจัยในปท.แข็งแกร่ง โดยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยแตะระดับสูงสุดในรอบ 64 เดือน และการเมืองที่คาดว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ สร้างความเชื่อมั่นการเลือกตั้งในปีหน้า จะกระตุ้นกระแสเงินทุนไหลเข้า แนวรับ 1710, 1705 (ปิด GAP) แนวต้าน 1725-30

กลยุทธ์การลงทุน : เทรดดิ้งสั้นใช้กรอบ 1700-1730, พอร์ตลงทุน ถือ-สะสม
  แนะหาจังหวะเทรดดิ้งสั้นในกรอบหลัก 1700-1730 ลงซื้อ-ขึ้นขาย หาก SET ผ่าน 1730 ได้ ค่อยเล็งเป้าถัดไปที่บริเวณ 1750 และควรปรับ่ Trailing Stop ขึ้นเป็น 1720 / ส่วนพอร์ตลงทุน ยังแนะทยอยสะสม-ถือลงทุนข้ามปี

• ประเด็นหุ้นน่าสนใจ Trading Pick HANA – มองแนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรกจากปัจจัยฤดูกาล, เงินบาทที่อ่อนค่า และการประหยัดต่อขนาดการผลิตโรงงานในไทย, มีโอกาสได้คำสั่งซื้อจากลูกค้าใหม่ที่ต้องการกระจายความเสี่ยงการผลิตจากจีนจากผลกระทบสงครามการค้า, เป้าพื้นฐาน 44.5 บ. / TPLAS เข้าเทรด mai วันนี้ – ผลิตและจำหน่ายถุงพลาสติกภายใต้ตราสินค้า “หมากรุก”, IPO 70m @ 1.48 บ., มองมูลค่าเหมาะสมเบื้องต้นที่ 1.66 บ. / FTSE Rebalance Asia ex Japan มีผลราคาปิด 21 ก.ย. FTSE All World - มีหุ้นไทยถูกคัดออก คือ BEC, FTSE Large Cap - มีหุ้นไทยถูกออก คือ MINT (ลดระดับเป็น Mid Cap), FTSE Mid Cap มีหุ้นเข้าคือ MINT และหุ้นถูกออก คือ BEC, FTSE Small Cap – มีหุ้นเข้า คือ MBK, BEC (ตกมาจาก Mid Cap) / หุ้นกำไรครึ่งปีหลังดีกว่าครึ่งปีแรก มี Upside สูง – CK, CMAN, NYT, PCSGH, PLANB, PRM, SEAFCO, STEC, WHA / หุ้นเด่นในแต่ละอุตฯ ที่น่าทยอยสะสม คือ AUTO – PCSGH / BANK – BBL, KBANK, SCB / COMM – CPALL, BJC, COM7 / CONMAT – SCC / CONS – CK, STEC, SEAFCO / FIN – AEONTS, ASAP / FOOD – MINT / ICT – INTUCH, TRUE / MEDIA – PLANB / PETRO – IVL, CMAN / PROP – ANAN, LH, QH, ROJNA / TRANS – BTS, JWD, NYT / mai – SPA / DIVIDENDs – KKP, LH, NYT, TPIPP, TVO
• หุ้น Weekly GURU ซื้อ EPG (เป้าสั้น 9.5 บ.), HANA (39.5 บ.) / ถือ STEC, TRUE (ปรับเป้าสั้นเป็น 7 บ. จาก 6.8 บ.) / ขายเปลี่ยนตัว BCP (+0.6%), III (+5.8%)
• หุ้นเด่น ก.ย. (Smart Tactics) BJC, CK, COM7, HANA, IRPC, MINT, PRM, TCAP
• หุ้นเด่น 2H18 Big Cap. - KBANK , BBL , CPALL , BJC , CK , IVL , SCC , LH , PSH , QH , TRUE , INTUCH / Mid-Small Cap. - BTS , COM7 , NYT , PLANB , ROJNA , STEC , SEAFCO , SPA

ที่มา : Bloomberg, DB, TISCO Research