Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวลงแรงตามภูมิภาค โดยมีแรงขายทำกำไรในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัวนำโดยหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรอย่าง PTT, PTTGC, IVL, PTTGC, BANPU และกลุ่มธนาคารอย่าง KBANK, SCB และหุ้นที่ปรับขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมาอย่าง CBG, TKN, PRM เผชิฐกับแรงขายอีกครั้ง ในขณะที่หุ้นเข้าซื้อขายใหม่อย่าง TPLAS ปรับตัวขึ้น 60.8% ณ.สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,686.3 จุด (-28.0 จุด) ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 6.0 หมื่นลบ. เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 4.4 หมื่นลบ.
นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยอย่างต่อเนื่องที่ 2,225 ล้านบาท พร้อมเปิดสถานะ Short SET50 index future สูงกว่า 12,279 สัญญา
Investment theme
ปัจจัยต่างประเทศกดดันการลงทุน แนะรอความชัดเจน: นอกเหนือจากปัจจัยสงครามการค้าที่ยังไม่มีความชัดเจน และมีท่าทีจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านวงเงินที่สหรัฐเตรียมปรับเพิ่มเป็น 2.0 แสนล้านเหรียญสหรัฐในเร็ววันนี้ อีกหนึ่งปัจจัยที่กดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงอย่างมากโดยเฉพาะในประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging market) นั่นคือการเกิดวิกฤตการเงินในประเทศอย่างตุรกี, อาร์เจนติน่า สร้างความกังวลให้นักลงทุนกลัวว่าจะลามไปประเทศอื่นๆ ที่เกิด Twin deficit อย่าง อินเดีย ซึ่งกำลังเผชิญกับการนำเข้าน้ำมันดิบที่แพงเรื่อยๆ จากการอ่อนค่าของ Rupee โดยปัจจุบันอินเดียมีสถานะนำเข้าน้ำมันเป็นสัดส่วนสูงกว่า 80% ของ อุปสงค์ในประเทศ โดยการนำเข้าน้ำมันที่สูงขึ้นจะส่งผลให้เงินภาวะเงินเฟ้อและขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้น ถือเป็นประเด็นที่เราแนะนักลงทุนจับตาอย่างใกล้ชิด อีกทั้งประเทศอินโดนีเซีย ก็กำลังเผชิญกับความเสี่ยงเช่นกัน ในขณะที่กำไรของตลาดหุ้น (EPS) ยังคงถูกปรับประมาณลงต่อเนื่องเหลือที่ 107.8x ถึงแม้ว่าSET จะปรับลงกว่า 30% แต่ Earning yield Gap ยังอยู่ในระดับ 3.62% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปีที่ 3.79% (สมมติฐาน Bond yield 10 ปี คงที่บริเวณค่าเฉลี่ย EYG 5 ปี เทียบเท่า SET บริเวณ 1,650 จุด +/- )
Investment Theme: เราประเมินแนวรับ SET บริเวณ 1,680 (อาจเห็น Technical rebound) และประเมินแนวรับสำคัญที่ 1,650 จุด โดยในระยะสั้นคาดตลาดหุ้น EM ผันผวนสูงมาก แนะนำชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจน พร้อมติดตามค่าเงินในหลายประเทศที่อ่อนค่าจะส่งผลโดยตรงต่อตลาดหุ้น ล่าสุดค่าเงิน Rupiah ของอินโดนีเซียอ่อนค่าทำระดับต่ำสุดในรอบ 20 ปีที่บริเวณ 14,950 /USD สร้างความกังวลต่อการเกิดวิกฤต ซึ่งถือเป็นประเทศที่อยู่ใน TIPs ร่วมกับไทยคาดมีโอกาสเกิดแรงขายเป็น Basket
Bis issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – บอร์ด กสทช. ยังไม่เคาะมาตรการเยียวยา DTAC สั่งทำแผนประมูลใหม่ก่อนนักลงมติ 12 ก.ย. นี้ / Brent ปรับลดลงเหลือ 76.9/ ยุโรปรายงาน PMI ภาคบริการเท่ากับคาดที่ 54.4 ค่าการกลั่นกลับขึ้นมายืนที่ 7.0 เหรียญอีกครั้ง (+6%) / Hokkaido เกิดแผ่นดินไหว
Stock pick : -
Trading idea – ทยอยสะสม BGRIM มี Upside ประมาณ 1.50 บาท/หุ้น จากเซ็นสัญญาโครงการ Solar ในเวียดนาม จากราคาเป้าหมาย 29.0บาท/หุ้น เก็งกำไร CPF กรอบ 27.0-28.0 บาท ราคาหมูในเวียดนามปรับขึ้นทำระดับสูงสุดในรอบ 27 เดือนที่ 49,000 VND/ก.ก.
Technical View
ดัชนีหลุด 1706 ทำให้มีแนวโน้มกลับตัวลงแบบ Double Top: ดัชนีเผชิญแรงขายจากหุ้น Big Cap. แทบทุกกลุ่ม ทำให้ปรับตัวลงหลุด 1706 (EMA200Day) ตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนจะปรับตัวลงต่อและปิด Low ในช่วงบ่าย ภายหลังหลุด 1706 ทำให้เราเปลี่ยนแนวโน้มของดัชนีเป็นการกลับตัวลงแบบ Double Top โดยมีแนว Neckline ที่ 1675 หากดัชนีปรับตัวหลุดแนวนี้ จะถือเป็นการคอนเฟิร์มรูปแบบดังกล่าว และ Downside จะเปิดมากขึ้น มองแนวรับถัดไปที่ 1665 และ 1650 กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หลังหลุด 1706 ต้อง Lock Profit ไปแล้ว หากยังมีหุ้นจังหวะ Rebound ระหว่างวันเป็นโอกาสขายหุ้น หรือหากหลุด 1675 ต้อง Stop Loss 2) ไม่มีหุ้น : รอดูแนวโน้มจนกว่าดัชนีจะเริ่มมีแนวโน้มหยุดลงที่ขัดเจน พิจารณาที่แนวรับถัดไปที่ 1675
แนวรับ : 1665, 1675 แนวต้าน : 1690, 1700
Keep an eye on...
ปัจจัยต่างประเทศ: -
ปัจจัยในประเทศ: คลื่น 850Mhz ของ DTAC จะหมดสัมปทาน/ วันพรุ่งนี้ติดตาม Oppday บริษัท S, CBG
หุ้นเทคนิค:
CPF (B 25.00-25.50, Tp 27.50//28.50, Cut 24.70)
CPN (B 80.00, Tp 83.50, Cut 78.50)
ข่าวเด่น