มองการปรับฐานเป็นโอกาสรอตั้งรับหุ้นใหญ่เมื่ออ่อนตัว
ความกังวลสงครามการค้าทวีขึ้น หลังประธานาธิปดีทรัมป์พูดถึงการขาดดุลการค้าจำนวนมากกับญี่ปุ่น ซึ่งนักลงทุนตีความว่าสหรัฐฯอาจพิจารณาดำเนินมาตรการการค้ากับญี่ปุ่น ขณะที่ตลาดยังจับตาการประกาศมูลค่าและรายการสินค้าที่จะโดนมาตรการจัดเก็บภาษีเพิ่มเติมหลังสิ้นสุดการทำประชาพิจารณ์เรื่องจัดเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญฯ (public hearing) เมื่อ 6 ก.ย. รวมถึงมาตรการตอบโต้จากทางจีน ซึ่งเรามองเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะมีผลกดดันต่อภาพรวมการลงทุนในวันนี้
สำหรับตลาดหุ้นไทย คาดแรงทำกำไรและความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกยังกดดันตลาดในช่วง 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า ในระยะสั้นหุ้นในกลุ่มที่ปลอดภัย (defensive) อาทิ ไฟฟ้า, สาธารณูปโภค, พลังงานทดแทน, กอง REIT รวมถึงหุ้นปันผลสูง มีโอกาสถูกเก็งกำไรสลับในช่วงที่ตลาดแกว่งปรับฐาน อย่างไรก็ตามการปรับลงเป็นโอกาสทยอยสะสมหุ้นใหญ่โดยเฉพาะในกลุ่ม ค้าปลีก, ธนาคาร และพลังงาน โดยเฉพาะ CPALL ในกรอบ 63-67 บาท
กลุ่มสื่อสาร หลังจากเตือนเรื่องความเสี่ยงที่หุ้นในกลุ่มอาจต้องตั้งสำรองการจ่ายส่วนแบ่งรายได้หลังหมดสัมปทานให้กสทช. การรายงานความคืบหน้าข้อพิพาทของ TRUE และหมดช่วงเทศกาลปันผลระหว่างกาลทำให้หุ้นหมดประเด็นเก็งกำไรในช่วงสั้น ขณะที่ผลประกอบการไตรมาส 3/61 คาดทรงตัวถึงลดลง สำหรับนักลงทุนระยะสั้นเรามองเลี่ยงการเก็งกำไร โดยหุ้นจะกลับมาน่าสนใจอีกครั้งในช่วงใกล้ประกาศผลประกอบการแล้ว
Investment Theme หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, PSTC*, DTC*, EASTW* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG / กลุ่มการแพทย์ที่เน้นลูกค้าในประเทศ CHG, BCH / กลุ่มธนาคาร ระวังแรงทำกำไรระยะสั้น และทยอยซื้อเมื่ออ่อนตัว
ภาพรวมกลยุทธ์: คาดมีแรงทำกำไรสลับ กดดันตลาดครึ่งแรกเดือนก.ย. แกว่งลงทดสอบ 1660-1680 จุด โดยโมเมนตัมของตลาดจะพลิกกลับมาบวก หากปรับขึ้นเหนือ 1703 จุด // หุ้นแนะนำวันนี้ EA*, GLOBAL* / เก็งกำไร TMILL* (เป้า 3.70 ตัดขาดทุน 3.26), DCC* (เป้า 3.00 ตัดขาดทุน 2.54)
แนวรับ 1680 / แนวต้าน : 1695-1703 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%
ประเด็นการลงทุน
สรท.เล็งปรับเป้าส่งออกปีนี้ขึ้นเป็น 9% – สภาผู้ส่งออกเผยภาพรวมสถานการณ์ส่งออกของไทยเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีมูลค่ารวม 20,424 ล้านเหรียญฯ ขยายตัว 8.3% ซึ่งเป็นการขยายตัวในระดับสูงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 17 ขณะที่สถานการณ์ส่งออกช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค.) มูลค่ารวม 146,235.6 ล้านเหรียญฯ ขยายตัว 10.6% ทั้งนี้ สรท.เล็งปรับเป้าส่งออกปีนี้ขึ้นเป็น 9% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 8%
หารือถกเกณฑ์ภาษี ผู้ผลิตไฟฟ้า'โซลาร์รูฟ' - 'ศิริ' สั่ง 'กกพ.' ศึกษาแนวทางหนุนสตาร์ตอัพจัดการพลังงานรองรับโซลาร์รูฟภาคประชาชน คาดเสร็จ ธ.ค.นี้ ยันต้องจำกัดโควต้า รับซื้อเพื่อความมั่นคง ด้านคลังเตรียมหารือ กกพ.เก็บภาษีผู้ผลิตไฟสัปดาห์หน้า
อุ้มคนจนคืนแวต 500/ด.ซื้อผ่านธงฟ้าเริ่ม 1 พ.ย. - คลังทุ่ม 3 พันล้านบาทลุยโครงการคืนภาษีแวต อุ้มคนมีรายได้น้อย 11.5 ล้านคน ขีดเส้นสูงสุดไม่เกิน 500 บาทต่อเดือน สั่งขยายเวลายาวถึง 6 เดือน พร้อมเชื่อมโยงระบบตรงถึง "สรรพากรบัญชีกลาง" ก่อนจ่ายคืนเงินภาษีให้ผู้ถือบัตรในเดือนถัดไปหลังใช้จ่าย
ประเด็นติดตาม: 7 ก.ย. - ตัวเลขการจ้างงานสหรัฐ เดือน ส.ค., 10 ก.ย. – ตัวเลขเงินเฟ้อจีน เดือน ส.ค., 13 ก.ย. – ประชุมนโยบายการเงินยุโรป (ECB meeting)
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
7 ก.ย. – GDP ไตรมาส 2/61 ยุโรป
, ตัวเลขการจ้างงาน สหรัฐ เดือน ส.ค.
, ดุลการค้าจีน เดือน ส.ค.
13 ก.ย. – ประชุมนโยบายการเงินยุโรป (ECB meeting)
ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ
- EA* (50) : ราคาที่ลดลงก่อนหน้าสะท้อนปัจจัยลบส่วนใหญ่ไปแล้ว ขณะที่ยังไม่สะท้อนการเติบโตของโครงการในอนาคต ซึ่งมีมูลค่าเหมาะสม 45-50 บาท (ไม่รวม EV หรือธุรกิจแบตเตอรี่)
- GLOBAL* (22) : ผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่องจากการขยายสาขาใหม่ แม้เข้า low season ไตรมาส 3/61 แต่ผลการดำเนินงานคาดเข้าสู่ high season ไตรมาส 4-1 อีกครั้ง สนับสนุนโดยกำลังซื้อที่ฟื้นตัว
- TMILL* (3.70) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 3.26 บาท
- DCC* (3.00) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 2.54 บาท
- หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: กลุ่มธนาคาร / กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ / SF, CPN, MINT, PF, SGP*, BDMS, MBK*, MTC, TK, GUNKUL*, PSTC*(ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)
ข่าวเด่น