คำแนะนำ
เน้นเก็งกำไรระยะสั้น โดยเข้าซื้อหากราคาไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,191-1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,207-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อ
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,191 1,182 1,175
แนวต้าน 1,214 1,228 1,238
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวลดลง 3.33 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ท่ามกลางการคาดการณ์ถึงโอกาสเกือบร้อย 100% ที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ย.นี้ ขณะที่การคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดในการประชุมเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นเป็น 58% จากระดับ 52% หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนส.ค.เพิ่มขึ้นเกินคาดที่ 201,000 ตำแหน่ง ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงานเพิ่มขึ้นเกินคาดที่ 0.4% ด้านอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.9%ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการเดินหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดและสร้างมุมมองเชิงลบกับทองคำ นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากแนวโน้มที่สหรัฐจะเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีนหลังประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวในวันศุกร์ว่า สหรัฐพร้อมที่จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้าจีนวงเงิน 2.67 แสนล้านดอลลาร์เมื่อใดก็ตามที่ทรัมป์ต้องการ ซึ่งแนวโน้มความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังดำเนินต่อไปได้สร้างแรงหนุนให้กับดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยจนสร้างแรงกดดันเพิ่มให้กับทองคำ ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลงในวันศุกร์ -1.48 ตัน สำหรับวันนี้ไม่กำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำพยายามสร้างฐานและพยายามทรงตัว หากราคายืนเหนือโซน 1,191-1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อาจทำให้เห็นการดีดตัวขึ้นเพื่อพยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,207-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากยังไม่สามารถขึ้นไปยืนเหนือแนวต้านได้ อาจเห็นการย่อตัวของราคาลงเพื่อสร้างฐานราคาอีกครั้ง
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นการเข้าซื้อ-ขายทำกำไรระยะสั้น โดยการเปิดสถานะซื้ออาจใช้บริเวณ 1,191-1,182 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดให้ชะลอการเข้าซื้อไปยังโซนแนวรับถัดไป ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,207-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อรอเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัว
ข่าวเด่น