คำแนะนำ
เน้นทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว โดยการเข้าซื้อมีแนวรับบริเวณ 1,196-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อ
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,196 1,187 1,175
แนวต้าน 1,214 1,228 1,238
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ปรับตัวลดลง 0.1% ในเดือนส.ค.เมื่อเทียบรายเดือนซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้วและสวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะปรับตัวขึ้น 0.2% ประกอบกับสำนักข่าวดาวโจนส์รายงานว่า นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐได้ส่งจดหมายไปยังเจ้าหน้าที่จีน เพื่อเชิญให้เข้าร่วมการเจรจาแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ซึ่งสัญญาณการเริ่มต้นเจรจาการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐกับจีนได้ลดความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยลง นอกจากนี้รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ(Beige Book)ที่ถูกเปิดเผยวานนี้บ่งชี้ว่าแม้ภาคธุรกิจมีมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ แต่ก็วิตกเกี่ยวกับผลกระทบเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าเช่นกัน สถานการณ์เหล่านี้กระตุ้นให้เกิดแรงขายในดอลลาร์ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BoE)และธนาคารกลางยุโรป (ECB) ตลาดคาดว่าทั้ง 2 ธนาคารกลางจะยังคงนโยบายการเงินตามเดิม แต่แนะนำจับตาแถลงการณ์ของนายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้การดำเนินนโยบายการเงินของ ECB ในอนาคต รวมไปถึงติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI)และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,196 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อ โดยหากยืนเหนือระดับสูงสุดของวันก่อนหน้าบริเวณ 1,209 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ การขยับขึ้นจะมีแนวต้านที่ 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับแรก กรอบด้านล่างจะอยู่ที่ 1,187-1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
ยังเน้นเก็งกำไรตามกรอบแนวรับแนวต้าน โดยเสี่ยงเปิดสถานะซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,196 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดให้ชะลอการเข้าซื้อไปยังโซนแนวรับถัดไป ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,214ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อรอเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัว
ข่าวเด่น