“ ลุ้นทดสอบไฮด์เดิม ”
ตลาดหุ้นวานนี้ : เกินคาด SET Index พุ่งแรงกว่า 38.57 จุด (+2.3%) ปิดที่ 1,718 จุด มูลค่าการซื้อขายหนาแน่นกว่า 78,999 ล้านบาท จากแรงซื้อของนักลงทุนสถาบันและต่างชาติ ตอบรับภาพการเมืองในประเทศชัดเจน โดยนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิสูงถึง 11,482 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 2,007 ล้านบาทเป็นวันแรกในรอบ 15 วันทำการ และ Net Long TFEX ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 อีก 12,124 สัญญา เช่นเดียวกับตลาดพันธบัตรที่ซื้อสุทธิอีก 2,720 ล้านบาท
แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ : SET Index ยังได้โมเมนตัมเชิงบวกต่อเนื่องจากเมื่อวาน ประกอบกับวันนี้ยังไม่มีปัจัยลบใหม่ ทำให้ดัชนีมีโอกาสขึ้นต่อ อย่างไรก็ตามคาดการปรับขึ้นจะเป็นไปอย่างผันผวน จากแรงขาย take profits และ ลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ กลุ่มธุรกิจน้ำมันได้รับ Sentiment เชิงลบจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงหลัง IEA รายงานการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนทำให้ Upside ของการปรับขึ้นเริ่มจำกัด โดยให้กรอบแนวต้านในวันนี้ที่ระดับ 1,725 -1,730 จุด
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : Selective Buy
Domestic play รับผลบวกจากการเลือกตั้ง รับเหมา (STEC,SEAFCO), นิคมฯ(AMATA) กลุ่มค้าปลีกที่มีฐานลูกค้าต่างจังหวัด ( ROBINS, CPALL DCC, และ TK)
กลุ่มธนาคาร เทรนด์ดอกเบี้ยขาขึ้น (BBL SCB KKP TMB)
กลุ่ม defensive stock ในภาวะตลาดผันผวน เช่น กลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH, CHG) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, CKP, EA)
หุ้นแนะนำวันนี้ : ROBINS (ปิด 67.25 ซื้อ/เป้า 72) เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากเม็ดเงินหมุนเวียนและสะพัดมากขึ้นในช่วงก่อนเลือกตั้งเนื่องจาก ROBINS มีสัดส่วนรายได้จากฐานลูกค้าในต่างจังหวัดคิดเป็น 40% ของรายได้รวมขณะที่ Valuation ถูกสุดของกลุ่ม (PE 23 เท่าเทียบค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 26-28 เท่า), PYLON (ปิด 7 ซื้อ/เป้า consensus 8) ราคาหุ้นยัง Laggard เมื่อเทียบกับกลุ่ม ขณะที่ผลกำไรใน 3Q18 มีแนวโน้มฟื้นตัวหลังจากเริ่มรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่ถูกเลื่อนมาจาก 2Q18, DCC (ปิด 2.56 ซื้อ/เป้า 3.1) ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วจากยอดขายและมาร์จิ้นเพิ่มขึ้น และยังเปิดแผนธุรกิจใหม่ (one stop center) เพิ่มรายได้ประจำลดความผันผวนของผลประกอบการ
Top picks ปีนี้ : ADVANC, ANAN, BEM, BDMS, CHG, CPALL, IVL, MINT, MTC และ QH
KSS report วันนี้ : RS (ปิด 18.2 ถือ/เป้า 17)
ประเด็นสำคัญวันนี้ :
(+) จีนตอบรับคำเชิญสหรัฐเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่ และเงินเฟ้อสหรัฐไม่ได้พุ่งแรงอย่างที่วิตก หนุนดาวโจนส์ปิดบวกต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 : ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้น 147 จุด (+0.57%) ปิดที่ 26,146 จุด เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหลังจากล่าสุดจีนตอบรับคำเชิญของสหรัฐเพื่อเจรจาคลี่คลายข้อพิพาททางการค้ารอบใหม่ นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือน ส.ค.ของสหรัฐที่ 2.2% ลดลงจาก 2.4% ในเดือน ก.ค. ขณะที่เงินเฟ้อทั่วไปลดลงเป็น 2.7% จาก 2.9% สะท้อนอัตราเงินเฟ้อไม่ได้เร่งตัว ทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าเฟดจะไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย
(-) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน : โอเปกผลิตน้ำมันสูงสุดในรอบ 9 เดือน กดดันราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงแรงกว่า 1.78 $/bbl : ราคาน้ำมันดิบตอบรับเชิงลบหลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) รายงานการผลิตน้ำมันดิบของกลุ่มโอเปกในเดือน ส.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 9 เดือนที่ระดับ 32.63 ล้านบาร์เรลต่อวัน ส่งผลให้การผลิตน้ำมันดิบของทั้งโลกในเดือน ส.ค.พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน มากกว่าเมื่อเทียบกับความต้องการน้ำมันดิบของโลกอยู่ที่ระดับ 97-98 ล้านบาร์เรลต่อวัน
(+/-) ECB และ BOE คงดอกเบี้ยตามคาด แต่ที่เซอร์ไพรส์คือตุรกีปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งเดียว 6.25% เป็น 24% ประคองค่าเงินหรือจะซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ทรุดตัวลงอีก : วานนี้ที่ประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.75% หลังจากเดือนก่อนหน้าปรับขึ้นดอกเบี้ยไปแล้ว 0.25% ส่วนธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0% แต่จะลดวงเงิน QE ลงสู่ระดับ 1.5 หมื่นล้านยูโร ต่อเดือน นับตั้งแต่เดือน ต.ค. จากปัจจุบันที่ 3 หมื่นล้านยูโรต่อเดือนและจะยุติ QE ในช่วงสิ้นปีนี้ ส่วน ธนาคารกลางตุรกีเซอร์ไพร์ตลาดด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งเดียวสูงถึง 6.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มขึ้นจาก 17.75% เป็น 24% โดยมีเป้าหมายที่จะพยุงค่าเงินลีลาไม่ให้อ่อนค่า แต่อีกนัยเรากลับมองว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินไปจะเป็นการเพิ่มต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้นอาจจะเป็นปัจจัยลบกดดันเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลงได้อีกในระยะถัดไป
ข่าวเด่น