คำแนะนำ
เน้นเก็งกำไรฝั่งซื้อโดยมีแนวรับบริเวณ 1,196-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากราคาขยับขึ้นควรแบ่งขายทำกำไรบ้างส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านโซน 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าผ่านได้สามารถถือต่อ
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,196 1,187 1,175
แนวต้าน 1,214 1,228 1,238
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 4.69 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ในระหว่างวันราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.บริเวณ 1,212.64 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ หลังการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้นน้อยเกินคาดเพียง 0.2% ในเดือนส.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ประกอบกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีนลดลงจากแนวโมการเริ่มต้นเจรจาการค้าครั้งใหม่ระหว่าง 2 ประเทศได้ลดความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยลง นอกจากนี้สกุลเงินยูโรพุ่งขึ้นขานรับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ประกาศว่าจะยุติการใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในช่วงสิ้นปีนี้เป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำเพิ่มเติมอีกด้วย อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขดัชนี CPI จะต่ำเกินคาดแต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนการคาดการณ์การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในการประชุมวันที่ 25-26 ก.ย.นี้แต่อย่างใด ส่งผลให้ราคาทองคำเผชิญกับแรงขายทำกำไรและอ่อนตัวลงมาปิดตลาดในแดนลบ ด้านกองทุน SPDR ลดการถือครองทองคำลง -2.65 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ อาทิ ยอดค้าปลีก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมและคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภค จาก UoM
ปัจจัยทางเทคนิค
หากระหว่างวันหากราคาทองคำไม่หลุด 1,196 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จะมีโอกาสดีดตัวขึ้นต่อ โดยหากยืนเหนือบริเวณ 1,214ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ การขยับขึ้นจะมีแนวต้านถัดไปที่ 1,228 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากหลุดแนวรับแรก กรอบด้านล่างจะอยู่ที่ 1,187-1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
เน้นการเปิดสถานะซื้อ โดยอาจใช้บริเวณ 1,196-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดให้ชะลอการเข้าซื้อไปยังโซนแนวรับถัดไป ขณะที่หากราคาดีดตัวขึ้นแนะนำทยอยแบ่งปิดสถานะทำกำไรตั้งแต่ราคา 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อรอเข้าซื้อใหม่เมื่อราคาอ่อนตัว
ข่าวเด่น