กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//Let Profit Run
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ยังสามารถแกว่งตัวขึ้นได้ตามคาดจากบรรยากาศการลงทุนที่ยังคงสดใส อย่างไรก็ตามเนื่องจากดัชนีปรับตัวขึ้นแรงและแข็งแกร่งกว่าภูมิภาคในวันก่อนหน้า ทำให้กรอบการบวกยังไม่กว้างนักโดยปิดบวกได้ 4.25 จุด ณ สิ้นวันและยังไม่ทะลุแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,730 จุดขึ้นได้ แรงซื้อหลักยังคงมาจากสถาบันในประเทศราว 3.5 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อต่อเนื่องอีกเล็กน้อย 300 ลบ.
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะแกว่ง Sideways Up ได้ต่อแม้ประเด็นสงครามการค้าจะยังกดดันหลังล่าสุดทรัมป์ยังมีความตั้งใจที่จะเก็บภาษีสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านเหรียญ (ทั้งที่จีนตอบรับคำเชิญสหรัฐฯในการเจรจาการค้ารอบใหม่) แต่คาดว่าปัจจัยการเมืองในประเทศที่มีพัฒนาการดีขึ้นต่อเนื่องคาดว่ายังเป็นแรงหนุนหลัก โดยล่าสุด คสช. ใช้ ม.44 คลายล็อคพรรคการเมือง ทำให้หุ้นในกลุ่ม Domestic Play คาดว่าจะยังคง Outperform ตลาดได้ต่อเนื่องซึ่งสอดคล้องกับมุมมองและคำแนะนำของเราในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play//ยังเน้นถือต่อ Let Profit Run
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM
Fund Flow เมื่อวันศุกร์กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$647ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$341ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$9ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$15ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาค ตลาดติดตามการเข้าเจรจาระหว่างจีนและสหรัฐและมาตรการทางการค้าต่อจีนรอบใหม่
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> EPG <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12 บาท
- ปีนี้ทุกธุรกิจจะฟื้นตัว EPP (บรรจุภัณฑ์พลาสติก) ดีขึ้นเพราะการแข่งตัดราคาเริ่มลดลง Aeroflex (ฉนวนยาง) ได้แรงหนุนจากโครงสร้างพื้นฐาน และ Aeroklas (ชิ้นส่วนรถยนต์) จะมีการออกสินค้าใหม่เพิ่ม คาดกำไรปี 2019 (เม.ย. 18 – มี.ค. 19) ที่ 1,251 ลบ. +26% Y-Y และคาด +17% Y-Y ทำจุดสูงสุดใหม่ในปี 2020 ที่ 1,460 ลบ.
- ราคาหุ้นทำจุดสูงสุดในรอบ 8 เดือน และคิดเป็น PE2019-20 ราว 18-20 เท่า ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 24 เท่า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(-) จีนอาจปฏิเสธเข้าร่วมเจรจาการค้ารอบใหม่กับสหรัฐฯ ทำให้สหรัฐฯจะเริ่มเก็บภาษีล็อต 2 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐฯวันนี้ ขณะที่ จีนจะตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 6 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ความคาดหวังในผลการเจรจาเริ่มยากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้การเจรจาในระดับขณะทำงานแทบไม่มีความคืบหน้า ประเด็นนี้ยังกดดันสินทรัพย์เสี่ยงในตลาดเอเชีย หนุนดอลล่าร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นต่อ และกดดันเงินสกุลภูมิภาคให้อ่อนค่าลง
(0) ประชุม กนง. สัปดาห์นี้ วันที่ 19 ก.ย. หากมีการส่งสัญญาณพร้อมขึ้นดอกเบี้ยจากปัจจุบันที่ 1.5% จะหนุนให้เงินบาทที่ Outperfrom ภูมิภาคอยู่แล้วแข็งค่าขึ้นต่อ แต่ถ้าไม่ส่งสัญญาณใดๆ ซึ่งถ้าอิงจากมุมมองของฝั่งภาครัฐฯที่ยังไม่อยากให้รีบขึ้นดอกเบี้ยก็น่าจะเป็นแบบนั้น และเมื่อผนวกกับแนวโน้มดอกเบี้ยของเฟดที่จะขึ้นอีก 0.25% เป็น 2.25% วันที่ 25 ก.ย. เงินบาทสัปดาห์นี้อาจกลับมาอ่อนค่าตามภูมิภาค หุ้นกลุ่มส่งออกที่ชะลอตัวปลายสัปดาห์ก่อนทั้งอิเล็กทรอนิกส์ (KCE SVI) และเกษตรอาหาร (CPF TU) อาจกลับมาได้รับความน่าสนใจอีกครั้ง ส่วนกลุ่มโรงไฟฟ้าที่โดดเด่นอาจมีแรงขายทำกำไรระยะสั้น
(0) GUNKUL แนวโน้มกำไรปกติ 2H18 ได้แรงหนุนจาก 2 โรงไฟฟ้าใหม่และแรงลมดีใน 3Q18-4Q18 ช่วง 1H18 มีกำไรสุทธิต่ำมาก ลดลง 96.3% Y-Y จากค่าใช้จ่ายพิเศษ แต่กำไรปกติโตสูง 175.1% Y-Y ส่วนหนึ่งจากรายได้ก่อสร้างโรงไฟฟ้าสูงมากใน 1Q18 กำไรปกติ 2H18 น่าจะอ่อนลง H-H คาดทั้งปีกำไรปกติโตสูง 77.2% เป็น 1,115 ลบ. แต่กำไรสุทธิลดลง 26.1% เหลือ 470 ลบ. และคาดกำไรปกติปี 2019 โตอีก 27.2% จากผลการดำเนินงานเต็มปีของ 2 โรงไฟฟ้าลม และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น ไม่รวมโครงการ Solar Rooftop รูปแบบ Private PPA ระยะสั้น ราคาปัจจุบันที่ PEG เพียง 0.6 เท่า คงแนะนำซื้อลงทุนระยะยาว ราคาเป้าหมายปรับใช้ปี 2019 ที่ 4 บาท (SOTP)
(0) MODERN แนวโน้มกำไรสุทธิ 2H18 เมื่อเทียบ H-H ยังโตสูงเหมือนปีก่อนเพราะเป็น High Season ของงานรัฐฯและเอกชน แต่รวมทั้งปีนี้อาจไม่โดดเด่นนัก (ปีก่อนมีกำไรพิเศษราว 20 ลบ.) เพราะตลาดบ้านและคอนโดฯยังไม่ฟื้นจริงและมีการแข่งขันสูง ขณะที่ ตลาดออฟฟิสรวมถึงมิกซ์ยูสดูจะเป็นกลุ่มเดียวที่เติบโต ซึ่งก็จะไปกระจุกตัวในปีหน้า เรามีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้และปีหน้าลง เบื้องต้นคาดว่าจะทำให้ราคาเป้าหมายลดเหลือ 5.20 บาท จาก 6.80 บาท แต่ด้วยราคาหุ้นตอนนี้ให้ปันผลสูง 7-8% ต่อปี จึงแนะนำถือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
17 ก.ย.
|
- อินโดนีเซีย: ดุลการค้า (ส.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
|
19 ก.ย.
|
- ไทย: ประชุม กนง.
- ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (ส.ค.)
|
21 ก.ย.
|
- Flash PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)
|
25 ก.ย.
|
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%
|
17 ก.ย.
|
- อินโดนีเซีย: ดุลการค้า (ส.ค.)
- ยูโรโซน: อัตราเงินเฟ้อ (ส.ค.)
|
(0) ตลาดหุ้นสหรัฐปิดในวันศุกร์ค่อนข้างทรงตัวจากวันก่อนหน้า แม้ว่าจะได้หุ้นในกลุ่มพลังงานและการเงินที่ปรับตัวขึ้นช่วยหนุนตลาดหุ้น แต่ข่าวที่ปธ.ทรัมป์ยังคงเดินหน้าที่จะเก็บภาษีสินค้าจากจีนอีก 2 แสนล้านเหรียญกลับมากดดันอีกครั้ง
(+) ตลาดหุ้นยุโรปตอบรับในเชิงบวกเมื่อวันศุกร์ จากข่าวความคืบหน้าการเจรจาสัญญาทางการค้าหลัง Brexit
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวลง หลังมีข่าวว่าทางการจีนอาจยกเลิกการเจรจาในเดือนนี้ หากปธ.ทรัมป์ยังยืนยันที่จะขึ้นภาษีจากจีนอีก 2 แสนล้านเหรียญ
(-) ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.69 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ปรับตัวขึ้น 0.40 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 68.99 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเรื่องคว่ำบาตรของอิหร่าน
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.71 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ปรับตัวลง 7.1 ดอลลาร์มาอยู่ที่ 1201.10 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้น
ข่าวเด่น