ภาพรวมตลาดยังมีโอกาสอ่อนตัว บรรยากาศเก็งกำไรกระจุกอยู่ในหุ้นปลอดภัย/รายตัว

  สหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในอัตรา 10% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 24 ก.ย.นี้ ก่อนที่จะปรับขึ้นเป็น 25% ตั้งแต่ 1 ม.ค.62 ยังเป็นปัจจัยกดดันต่อภาพรวมของสินทรัพย์เสี่ยงและตลาดเกิดใหม่
  สำหรับตลาดหุ้นไทย มีโอกาสแกว่งและอ่อนตัวในกรอบ 1700-1730 จุด หลังขึ้นแรงตอบรับความชัดเจนการเดินหน้าเลือกตั้งในสัปดาห์ก่อน กลยุทธ์โดยรวมยังเป็นการรอทยอยสะสมหุ้นได้ประโยชน์จากการเลือกตั้งและบริโภคภายในประเทศ ธนาคาร ค้าปลีก รับเหมาฯ รวมถึงกลุ่มหุ้นใหญ่ที่รองรับเม็ดเงินต่างชาติอย่างพลังงาน อย่างไรก็ตามเราคาดหุ้นปลอดภัย รวมถึงหุ้นขนาดกลาง-เล็ก จะถูกดึงขึ้นมาเก็งกำไรคั่นเวลาในจังหวะตลาดรอปัจจัยบวกใหม่ๆ ส่งผลให้หุ้นไฟฟ้า พลังงานทดแทน หุ้นที่พักฐานมานานหุ้นที่ที่มีการถือครองต่ำ รวมถึงมีปัจจัยบวกจากผลการดำเนินที่จะดีขึ้น มีโอกาสถูกสลับตัวผลักดันขึ้นมา หุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ EGCO, GULF*, EA*, BCPG*, CKP*, PYLON*, UNIQ*, EPG*, ASAP*, RJH*, STA*, TASCO*, SAMART*, BEM*, CBG*, ASAP*
  อสังหาริมทรัพย์ มีโอกาสถูกผลักดันจากประเด็นการปรับผังเมืองใหม่กทม. เพิ่มโอกาสขยายโครงการตามแนวรถไฟฟ้า บวกต่อ PSH, SPALI, AP
Investment Theme หุ้นใหญ่และกลุ่มหุ้นเลือกตั้ง BBL, SCB, STEC, CPALL, PTT, PTTEP/ หุ้นเล็กที่น่าสนใจ GUNKUL*, PSTC*, DTC*, EASTW*, AEONTS* / หุ้นกระแสเงินสดมั่นคง-ปันผล CPNREIT, CPN, PSH, AP, SPF*, EA, BCPG / กลุ่มการแพทย์ BDMS, BH, CHG, BCH / 
ภาพรวมกลยุทธ์: SET อาจถอย แต่บรรยากาศเก็งกำไรรายตัวยังเป็นบวก คาดแกว่งตัวในกรอบ 1700-1730 จุด อาจอ่อนตัวแต่โมเมนตัมของตลาดยังเป็นบวกหากไม่ต่ำกว่า 1703 จุด  // หุ้นแนะนำวันนี้ CPALL, PSH / เก็งกำไร VNT* (เป้า 29 ตัดขาดทุน 25), ASAP* (เป้า 7.00 ตัดขาดทุน 6.00)
แนวรับ 1710 / แนวต้าน : 1725 จุด สัดส่วน : เงินสด 30% : พอร์ตหุ้น 70%

ประเด็นการลงทุน
  เปิดประมูลเอราวัณ 25 ก.ย. - กระทรวงพลังงานจะยังคงเปิดให้ผู้ที่ผ่านคุณสมบัติขั้นต้นยื่นประมูลข้อเสนอขอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียม G1/61 (เอราวัณ) และ G2/61 (บงกช) ในทะเลอ่าวไทย ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ แม้ว่าล่าสุดจะมีผู้ไปฟ้องร้องต่อศาลปกครอง แต่ศาลฯยังไม่ได้มีคำสั่งประทับรับคำฟ้องลงมาแต่อย่างใด 
  ปรับใหญ่ผังเมืองกทม. - สำนักผังเมืองอยู่ระหว่างจัดทำผังเมืองรวมกรุงเทพมหานคร ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 4 คาดว่าจะประกาศใช้ได้ประมาณปลายปี 2562 โดยกำหนดให้ กทม.เป็นเมืองกระชับ กำหนดจุดศูนย์กลางอยู่ในเขตเมืองชั้นใน และให้กระจายออกไปรอบนอกตามแนวรถไฟฟ้าที่เกิดขึ้น
กสทช.อุทธรณ์ดีแทค 19 ก.ย. – กสทช.ยื่นอุทธรณ์ศาลปกครองสูงสุด เกี่ยวกับกรณี เยียวยา DTAC ในวันที่ 19 ก.ย.นี้ และเตรียมเปิดประมูลคลื่นรอบใหม่ ธ.ค.นี้
  GUNKUL (Not rated) – ตัวแทนชาวบ้านยืนฟ้องคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และกรีโนเวชั่น เพาเวอร์ จำกัด (GNP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ GUNKUL เกี่ยวกับปัญหาเสียงรบกวนของโครงการโรงไฟฟ้าสราญรมย์วินด์ฟาร์ม จ.นครราชสีมา บริษัทชี้แจงการชดเชยตามกฎหมายให้กลุ่มชาวบ้านที่อยู่ใกล้อย่างถูกต้อง แต่กลุ่มที่มาเรียกร้องคือชาวบ้านที่อยู่นอกเขตชดเชย แต่ต้องการได้รับชดเชย ซึ่งเราคาดไม่มีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการดำเนินงาน
  SAWAD (Not rated) – บริษัทจะเพิ่มทุน 57 ล้านหุ้น เพื่อขาย PP ให้กับ Cathay Financial Holding Co.,Ltd จากไต้หวัน ราคา 45 บาท/หุ้น รวม 2.57 พันล้านบาท ทำให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มเป็น 9.49% (จาก 4.99%)

ประเด็นติดตาม: 19 ก.ย. – ประชุม กนง. / 28 ก.ย. – กกต.หารือพรรคการเมือง
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)

ปัจจัยที่ต้องติดตาม  
18 ก.ย. –   OPEC meeting   
19 ก.ย. –   ประชุมนโยบายการเงินไทย (กนง.)
                 ประชุมนโยบายการเงินญี่ปุ่น (BOJ meeting)

ประเด็นลงทุนสำหรับหุ้นแนะนำ

• CPALL (84) : หุ้น top pick ในกลุ่มค้าปลีก ราคาที่ปรับลดลงสะท้อนการชะลอตัวของผลการดำเนินงานไปแล้ว ขณะที่ลงมาถึงโซนซื้อ 63-67 ทำให้มีโอกาสเข้าสู่จุดฟื้นตัว/ซื้อกลับโดยนักลงทุน อีกทั้งได้ประโยชน์จากสัญญาณการบริโภคที่ฟื้นตัว
• PSH* (4.50) : ผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังคาดจะเร่งตัวขึ้น ขณะที่การกลับมาโฟกัสคอนโด Luxury ทำให้บริษัทกลับเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตอีกครั้ง และคาดได้บรรยากาศบวกจากการปรับผังเมืองฉบับใหม่ที่จะมีการเน้นขยายความเจริญไปตามแนวรถไฟฟ้า
• VNT* (29) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 25 บาท
• ASAP* (7) : เก็งกำไรแบบตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 6.00 บาท
• หุ้นที่น่าสนใจอื่นๆ: กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ / GGC*, AEONTS*, SAWAD, MTC, EGCO, GULF*, EA*, BCPG*, PYLON*, UNIQ*, EPG*, ASAP*, RJH* GUNKUL*, PSTC*(ควรตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5%)