คำแนะนำ
เน้นเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,187-1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์แนะนำเข้าซื้อ และทยอยปิดสถานะทำกำไรเพิ่มหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,205-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,187 1,175 1,160
แนวต้าน 1,203 1,214 1,228
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ของสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาด ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นแตะ 1204.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขาย รวมไปถึงนายมิเชล บาร์นิเยร์ ตัวแทนเจรจาฝ่าย EU ในประเด็น Brexit กล่าวว่า การเจรจาระหว่าง EU และอังกฤษในประเด็น Brexit ยังคงดำเนินไปโดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่งผลให้ปอนด์และยูโรดีดตัวขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์ อย่างไรก็ตามราคาทองคำถูกกดดัน หลังบอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีขยับขึ้นต่อเนื่องแตะระดับ 3% อีกครั้ง จากแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในเดือนก.ย.นี้ ขณะที่เช้านี้ปธน.ทรัมป์ของสหรัฐประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มอีก 10% วงเงินรวม 2 แสนล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้ ยังสร้างแรงขายเข้าสู่ตลาดทองคำ สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนก.ย.จาก NAHB ของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,205 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,187-1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ประเมินว่าเป็นการแกว่งตัวในกรอบออกด้านข้างต่อไป
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
สามารถถือสถานะซื้อต่อหากราคาย่อตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ หากรับความเสี่ยงได้อาจเปิดสถานะซื้อหากราคายืนเหนือแนวรับ 1,187-1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ เพื่อทยอยปิดสถานะทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นไปไม่ผ่านแนวต้าน 1,205-1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวเด่น