กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic Play//Let Profit Run
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways ในแดนบวกได้ในช่วงเช้าก่อนที่จะมีแรงซื้อหนาแน่นในรอบบ่ายและทำให้ดัชนีปิดบวกถึง 26 จุดและทดสอบระดับ 1,750 จุด โดยตลาดได้สะท้อนความกังวลเรื่องสงครามการค้าไปแล้วก่อนหน้านี้ สถาบันในประเทศเป็นฝ่ายซื้อสุทธิหนาแน่น 4.9 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังซื้อต่อเนื่องอีก 1.5 พันลบ. (แต่เริ่มพลิกมา Short ใน Index Futures 1.1 หมื่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะแกว่ง Sideways to Sideways Up โดยแนวต้านระยะนี้อยู่ที่ 1,750 จุด บรรยากาศการลงทุนโดยรวมยังค่อนข้างผ่อนคลายแม้จีนจะตอบโตสหรัฐฯโดยการเก็บภาษีสินค้าวงเงิน 6 หมื่นล้านเหรียญ แต่อัตราภาษีอยู่ที่ 10% ซึ่งต่ำกว่าตัวเลขในตลาดก่อนหน้าที่ 20% ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นซึ่งน่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน ส่วนปัจจัยในประเทศวันนี้ติดตามการประชุมกนง.ว่าจะมีสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยอย่างไร รวมถึงประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจชุดใหม่
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play//ระยะกลาง-ยาวยังเน้นถือ Let Profit Run
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลออกจากภูมิภาค US$21ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากเกาหลีใต้ US$67ล้าน ขณะที่ไหลเข้าไทย US$46ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางกลับมาไหลเข้าภูมิภาคหลังตลาดได้ประเมินแล้วว่ามาตรการภาษีสหรัฐต่อจีนเป็นอัตราที่น้อยกว่าคาด
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> PRM <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 9 บาท
- เป็น 1 ใน SET100 ที่ราคาหุ้นยัง Laggard โดยในช่วง 3 เดือน -12% แย่กว่า SET100 ที่กลับมาเคลื่อนไหวทรงตัว ทั้งที่ผลประกอบการ 2Q18 ของ PRM โตทั้ง Q-Q และ Y-Y
- แนวโน้ม 2H18 จะยิ่งสดใส เพราะธุรกิจเดิมเข้าสู่โหมดทำกำไรเต็มที่ และเป็นช่วงรวมงบ BIG SEA เราคาดกำไรทั้งปีนี้ +39% Y-Y อยู่ที่ 1 พันลบ. ส่วนปีหน้าจะได้แรงหนุนเพิ่มจากการลงทุนของกลุ่มพลังงาน
- วันนี้มี Opp Day คาดว่าจะทำให้ตลาดเชื่อมั่นกับแนวโน้มธุรกิจหลังจากนี้มากขึ้น
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) กลุ่มสื่อสารฯ ต้องติดตามการประชุมบอร์ดกสทช.วันนี้เกี่ยวกับประเด็น (1) การเยียวยาคลื่น 1800 MHz สำหรับ DTAC ว่าจะให้ใช้จำนวนกี่ MHz และเป็นระยะเวลานานเท่าไร (2) จะมีการอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดกรณีคุ้มครองชั่วคราวคลื่น 850 MHz ของ DTAC หรือไม่ และ (3) รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประมูลคลื่น 1800 MHz และ 900 MHz รอบใหม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดและมีเงื่อนไขที่ผ่อนคลายลงอย่างไร โดยเราคาดว่าราคาหุ้นของ DTAC ที่ปรับขึ้นกว่า 10% ในช่วง 4 วันทำการล่าสุดสะท้อนปัจจัยบวกดังกล่าวไปค่อนข้างมากแล้ว เรายังเลือก Top Pick เป็น ADVANC และ INTUCH
(0) CPALL ระยะสั้นแนวโน้มกำไรอาจทำได้เพียงทรงตัว Q-Q ใน 3Q18 จากทั้ง Low Season มีฝนตกเยอะ และผลตอบรับ Stamp Promotion ในปีนี้ไม่สดใสนัก แต่เชื่อว่าน่าจะได้เห็นการปรับกลยุทธ์นำเสนอของพรีเมี่ยมล็อตใหม่ในช่วงครึ่งหลังของ Promotion ซึ่งอาจเป็นที่ถูกใจลูกค้าได้มากขึ้น รวมถึงการฟื้นตัวของราคาเนื้อสัตว์น่าจะช่วยหนุนผลประกอบการของ MAKRO และคาดภาระดอกเบี้ยจ่ายอาจลดลงใน 4Q18 ภายหลังนำเงินที่ได้จากการขายหุ้น MAKRO มาชำระหุ้นกู้ จึงคาดกำไรสุทธิ 4Q18 จะกลับมาฟื้นตัว Q-Q ได้อีกครั้ง ทั้งนี้เราปรับลดกำไรสุทธิปีนี้ลงเล็กน้อย 2% เหลือเติบโต 2.7% Y-Y จากเดิมคาดโต 4.8% Y-Y ถือเป็นการเติบโตต่ำสุดในรอบ 4 ปี และคาดกำไรจะกลับมาเติบโตดีขึ้นในปี 2019 ราว 14.6% Y-Y เราปรับลดราคาเป้าหมายปีนี้ลงเป็น 82 บาท จากเดิม 84 บาท (DCF) แนะนำซื้อลงทุน
(0) RS แนวโน้มกำไรปกติ 3Q18 ฟื้นตัวดีขึ้น Q-Q ผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสก่อน แต่ Flat Y-Y นับว่าฟื้นช้ากว่าเคยคาด จากยอดขายสินค้ากลุ่ม MPC เพิ่งมาเร่งตัวอย่างมีนัยฯ ในช่วงท้ายไตรมาส และการใช้เม็ดเงินโฆษณาทีวีในภาพรวมยังอ่อนแอขณะที่ Rating ช่อง 8 ฟื้นช้า ทำให้อัตราใช้เวลาโฆษณาเพิ่มไม่เท่าที่เคยคาด ประมาณการกำไรปกติทั้งปีจึงเริ่มมี Downside แม้โตสูง Y-Y ขณะที่ราคาหุ้นปรับขึ้นแรง +21% ในช่วง 1 เดือน ทำให้ Upside เหลือเพียง 8% จากราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 21.50 บาท จึงปรับคำแนะนำลง จาก ซื้อ เป็น ถือ โดยในกลุ่ม Media ตอนนี้ เลือก PLANB เป็นTop-Pick ราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 8.20 บาท ปัจจัยหนุนคือ แนวโน้มกำไร 3Q18 จะทำ New High โต 20% Y-Y และทั้งปีโตสูง 35% Y-Y
(0) KSL จากประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ เรายังไม่เห็นปัจจัยหนุนราคาน้ำตาลตลาดโลกให้กลับมาสดใสได้ โดยคาดการณ์ภาวะผลผลิตปีหน้าจะยังเกินดุลต่อเป็นปีที่ 2 จากปริมาณผลผลิตที่ค่อนข้างสูงของอินเดียและไทย และแม้ปี 2020 อาจจะกลับมาสมดุลได้ แต่ราคาน้ำตาลน่าจะปรับขึ้นไม่เร็ว เพราะปริมาณสต็อกน้ำตาลโลกจะมีมากและกดดันราคาน้ำตาลสักระยะหนึ่ง ถือเป็นลบต่อแนวโน้มราคาขายน้ำตาลของ KSL ต่อเนื่อง แนวโน้มผลประกอบการปกติใน 4Q18 น่าจะยังไม่ฟื้นและอาจขาดทุนต่อเนื่องจาก 3Q18 แต่คาดมีรับรู้ส่วนแบ่งรายได้จากเงินที่นำส่งกองทุนอ้อยและน้ำตาลตั้งแต่ต้นปีที่มีการลอยตัวราคาน้ำตาลในประเทศ ซึ่งอาจทำให้พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ เราปรับลดกำไรสุทธิปี 2018-2019 ลง 36% และ 32% เป็น 848 ลบ. -57.7% Y-Y และ 998 ลบ. +17.7% Y-Y ตามลำดับ และปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 2019 ที่ 3.5 บาท (อิง PE เดิมที่ 15 เท่า) เรายังไม่ชอบกลุ่มน้ำตาล จนกว่าจะเห็นราคาน้ำตาลกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
19 ก.ย.
|
- ไทย: ประชุม กนง.
- ญี่ปุ่น: ดุลการค้า (ส.ค.)
|
21 ก.ย.
|
- Flash PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)
|
24 ก.ย.
|
-จีน: ตลาดหุ้นจีนและไต้หวันปิดทำการเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์
|
25 ก.ย.
|
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%
|
(+) ตลาดปรับตัวขึ้นได้จากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี โดยเฉพาะหุ้น Apple เนื่องจากสินค้าส่วนใหญ่ไม่ได้ถูกรวมเข้าไปในการขึ้นภาษี นอกจากนี้แม้ว่าทางการจีนจะตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐมูลค่า 60,000 ล้านเหรียญ แต่ก็ออกมายืนยันว่ายังพร้อมที่จะเจรจา
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น หลังการเก็บภาษีทางการค้าน้อยกว่าที่คาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มรถยนต์หลังประกาศแผนงานที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้น หลังจีนยังคงยืนยันว่าพร้อมที่จะเจรจากับสหรัฐ ในขณะที่วันนี้ต้องจับตาดูการตัดสินใจของ BOT และ BOJ
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.59 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 0.94 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 69.85 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขคาดการน้ำมันคงคลังสหรัฐที่ลดลงและจากปัญหาเรื่อง Supply ในอิหร่านและเวเนฯ
(0) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ยังทรงตัว ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.96 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 2.9 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1202.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ข่าวเด่น