Market Summary 18/09/2018
Close
|
1,744.42
|
Volume
|
Bt79656M
|
Change
|
26.03
|
P/E
|
17.21
|
%Change
|
1.51%
|
P/BV
|
1.98
|
หุ้นแนะนำพิเศษ
PTTEP (ราคาปิด 152 Bloomberg 147.24)
- น้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นจากความคาดหวังว่าโอเปกจะยังไม่เพิ่มกำลังการผลิต โดยรัฐมนตรีน้ำมันของโอเปกและกลุ่มนอกโอเปกจะประชุมกันในวันอาทิตย์นี้ เกี่ยวกับการผลิตเพื่อชดเชยน้ำมันจากอิหร่านที่จะลดลงหลังมีการคว่ำบาตร
- วันที่ 25 ก.ย. กระทรวงพลังงานเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอการประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ (ปัจจุบัน PTTEP เป็นผู้ดำเนินการขุดเจาะแหล่งบงกชและถือหุ้นอยู่ 66%)
- ฝ่ายวิจัยคาดผลการดำเนินงานไรมาส 3 จะปรับตัวดีขึ้นจากปริมาณการผลิตที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ 308 พันบาร์เรลต่อวันจากการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นโครงการบงกชอีก 22% สู่ 66% ขณะที่คาดว่าราคาขายเฉลี่ยจะทรงตัวราคาน้ำมัน และคาดว่าค่าใช้จ่ายทางภาษีจะไม่สูงเท่าไตรมาส 2
Market View : การเมืองชัดเจน
หุ้นแนะนำพิเศษ : PTTEP
หุ้นมีข่าว : KTB TMB DOD TACC ANAN GPSC
Technical Insight : ERW PRM
SET Index วานนี้ปรับตัวขึ้นแรง จากปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งที่มีความชัดเจนขึ้น ซึ่งส่งผลบวกไปยังหุ้น Big Cap หลายกลุ่มอาทิ กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง กลุ่มธนาคาร กลุ่มค้าปลีก และรวมถึงกลุ่มท่องเที่ยวที่กำลังจะเข้าสู่ช่วง High Season ประกอบกับ Fund Flow ต่างชาติที่กลับมาเป็นบวกอีกครั้ง ส่งผลให้ SET Index ปิดที่ 1,744.42 จุด (+26.03 จุด) Volume 7.96 หมื่นลบ. จาก Foreign Net +1,497.43 ลบ. TFEX Net -10,646.00 สัญญา ตราสารหนี้ +418 ลบ.
แนวโน้มตลาดหุ้นไทย
+ดาวโจนส์ปิดพุ่งหลังคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสหรัฐและจีนเรียกเก็บภาษีนำเข้าในระดับต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์
+น้ำมันปรับตัวขึ้นหลังโอเปกส่งสัญญาณว่ายังไม่พร้อมที่จะปรับเพิ่มกำลังการผลิต
+ครม.ไฟเขียวคืน VAT ส่วนหนึ่งจากการซื้อสินค้าให้กับผู้มีรายได้น้อยเพิ่มอำนาจซื้อ-ออม
-จีนประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราภาษี 5-10% คิดเป็นวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์มีผลบังคับใช้ในวันที่ 24 ก.ย.
+/-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านสหรัฐทรงตัวที่ระดับ 67 ในเดือนก.ย.
+/- Fund Flow ต่างชาติมีสถานะขาย YTD ขาย 2.10 แสนล้านบาท ค่าเงินบาท 32.56 บาท/US
ตลาดหุ้นไทยวันนี้มีปัจจัยบวกหลักจากการเลือกตั้งมีความชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ ส่วนปัจจัยรองเป็นเรื่องราคาน้ำมันปิดบวก ขณะที่ยังมีปัจจัยลบด้านสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่มีท่าทียืดเยื้อ ประเมินดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,735-1,758 จุด
กลยุทธ์การลงทุน
KBANK, SCB, PTTEP, PTT, CPALL, PTTGC, SCC และ CPN ติดรายชื่อหุ้นที่ติดทั้งสองกลุ่มดัชนี DJSI World และ DJSI Emerging Markets
- HMPRO, CPALL, ROBINS, BJC ที่ประชุมครม.มีมติคืน VAT เป็นเงินสดให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ
- หุ้นที่คาดว่า 2H61 จะเติบโตต่อเนื่อง ANAN ORI SC KCE CPF SVI
- หุ้น MAI ที่ผลประกอบการ 2H61 เติบโตต่อเนื่อง XO CHAYO TACC SSP
- กลยุทธ์การลงทุนเดือนก.ย. แนะนำกลุ่มธนาคาร กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม กลุ่มรับเหมาก่อสร้าง แนะนำ KKP CK AOT ERW CENTEL SSP
หุ้นมีข่าว
ประเด็นบวก KTB (ราคาปิด 20.20 Bloomberg Consensus 20.88) TMB(ราคาปิด 2.28 Bloomberg Consensus 2.53) : รมว.คลัง ไฟเขียว KTB ควบกับ TMB สั่งให้ได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนนี้ ดันเป็นแบงก์พาณิชย์ใหญ่สุด สินทรัพย์ 3.65 ล้านล้านบาท แซงหน้า BBL SCB และ KBANK ด้านที่ปรึกษาการเงินคาดใช้วิธีแลกหุ้น (Share Swap) พร้อมย้ำมูลค่าหุ้น TMB ต้องไม่ต่ำกว่าต้นทุนคลังที่ 3.86 บาท นักวิเคราะห์ชี้ช่วยสร้างความได้เปรียบต่อ KTB อย่างมาก เผยมีการแอบเก็บหุ้น KTB มาตลอด ด้านกลุ่มธนชาตแอบย่องเจรจาซื้อ TMB ด้วย เหตุอยากได้ไอเอ็นจีเป็นพันธมิตรแทนโนวาสโกเทีย แต่ขุนคลังบอกปัด (ที่มา ข่าวหุ้น)
DOD (ราคาปิด 14.8 ซื้อ ราคาเหมาะสม 17.5)
- ผบห. มองแนวโน้ม 2H61 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจาก 1H61 ได้ หลังเริ่มมีลูกค้ารายใหม่เข้ามา โดยอยู่ในขั้นตอนการขอขึ้นทะเบียนอย. คาดจะสามารถเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายไตรมาส 3 ในส่วนโรงงานสกัดวัตถุดิบแห่งที่ 2 ถือเป็นเจ้าแรกในไทย ที่มีการสกัดสารโดยใช้ CO2 ในเชิงพาณิชย์ หลังได้ลงนามร่วมมือกับกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนของบริษัทในระยะยาว และสามารถสกัดสมุนไพรไทยเพื่อใช้ในประเทศและเพื่อส่งออกได้
- คาดการณ์กำไรสุทธิปี 61 ที่ 359 ลบ. เติบโต 153%YoY จากยอดขายที่คาดว่าจะเพิ่มขึนราว 95%YoY เนื่องจากย้ายที่ตั้งโรงงานใหม่ที่มีพื้นที่ใหญ่กว่า ทำให้สามารถผลิตและส่งมอบสินค้าได้ตามคำสั่งซื้อที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่ารายได้ ทำให้คาดอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 48% จากปี 60 ที่ 37%
- TACC (ราคาปิด 4.04 บาท ซื้อ ราคาเหมาะสมปี 62 ที่ 5.00 บาท)
- รับปีนี้กำไรต่ำกว่าปีก่อนรับผลกระทบภาษีน้ำตาลต้นปี-รายได้พลาดเป้าโต เจรจาร้านอาหารทั้งใน-ตปท.ซัพพลายเครื่องดื่ม (ที่มา : IQ)
- ความเห็น ถึงแม้ว่าผลประกอบการปี 61 อาจจะออกมาต่ำกว่าปีก่อน อย่างไรก็ตาม เราคาดว่า 2H61 จะเริ่มทยอยเห็นการพลิกฟื้นของผลประกอบการจากฐานที่ต่ำ และพลิกกลับมาเติบโตได้ในปี 62 ตลอดจนโอกาสเติบโตจากการนำเครื่องดื่มกดเย็น Hershey’s เข้ามาเป็นสินค้าประจำ(บางสาขา) ซึ่ง TACC มีสัดส่วนรายได้จากเครื่องดื่มกดเย็นกว่า 90% รวมถึงการเติบโตจาก ธุรกิจบริหารลิขสิทธิ์ Rilakkuma และ การร่วมเป็นพันธมิตรกับ A&W คาดกำไรปี 61 ราว 99 ลบ. หดตัว 11.6% ขณะที่ คาดกำไรปี 62 ราว 124 ลบ. เติบโต 24.3%
- + ANAN ร่วมลงทุนกับกลุ่มมิตซุย ฟูโดซัง พัฒนาคอนโดมิเนียม 1 โครงการ พร้อมเปิดตัวภายในปีนี้
- + VCOM คาดรายได้ปีนี้โตแตะ 1.6 พันลบ.หลังเข้าซื้อ I-Secure หนุนสัดส่วนค่าบริการเพิ่มเป็น 40%
- + GPSC ผู้บริหารนำทีมแจงซื้อหุ้น GLOW ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ย้ำเป็น “บริษัทมหาชน” ไม่ใช่ “รัฐวิสาหกิจ” ลั่นทำได้ตาม พ.ร.บ.บริษัทมหาชนจำกัด ขณะที่วานนี้ตั้งโต๊ะเจรจา SCC เคลียร์ใจปมผูกขาดทางธุรกิจ พร้อมเดินหน้าชี้แจงกลุ่มลูกค้ารายอื่นคาดรูผล กกพ. ภายในวันที่ 27 ก.ย. และมีสิทธิที่จะขยายเวลาได้อีก 15 วัน(ที่มาข่าวหุ้น)
- + D จะเพิ่มทุน 20 ล้านหุ้น เสนอขาย PP ให้นลท.ทางการเงิน-นลท.เชิงกลยุทธ์ใช้ลงทุนในรพ.ทันตกรรม-คืนเงินกู้
- + DTAC ADVANC TRUE พร้อมผงาด หลังปลดล็อกต้นทุนจากการลงทุนด้านคลื่นความถี่จะไม่สูงกว่าที่ผ่านมา หนุนอนาคตผลงานแข็งแกร่งโบรกอัพผลงาน DTAC ADVANC TRUE กำไรปี 2561-2562 เพิ่มขึ้น (ที่มาทั นหุ้น)
- + AOT (ราคาปิด 66.00 Bloomberg Consensus 73.77) เผยศาลปกครองมีคำสั่งไม่คุ้มครองการประกวดออกแบบโครงการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารหลังที่ 2 ส่งผลให้ AOT สามารถเดินหน้ากระบวนการประกวดออกแบบต่อไปได้
ข่าวเด่น