Market summary
เมื่อวานที่ผ่านมา SET ปรับตัวขึ้นแรงในช่วงแรกโดยมีแรงซื้อมากในกลุ่มค้าปลีก (CPALL, HMPRO), พลังงาน (PTT, TOP, PTTEP) แต่อย่างไรก็ดีเริ่มเห็นแรงขายทำกำไรออกมาในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายก่อนปิดตลาด ส่งผลให้ ดัชนีเริ่มลดช่วงบวกลงมา ทำให้ ณ สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,749.8 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายราว 9.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อนหน้าที่ 7.9 หมื่นล้านบาท
นักลงทุนต่างชาติซื้อหุ้นไทยเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน และเร่งตัวเป็น 1,601 ล้านบาท ส่วนสถาบันซื้อมากถึง 6,185 ล้านบาท ด้าน SET50 index future ต่างชาติ Short สุทธิ 3,230 สัญญา ขณะที่สถาบัน Long สุทธิ 493 สัญญา
Investment theme
เชิงกลยุทธ์แนะเก็งกำไรตามเทคนิค ในขณะที่ปัจจัยพื้นฐานบางกลุ่มเริ่มมี Upside จำกัด : ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึง SET ปรับขึ้นเด่นในช่วงที่ผ่านมาเป็นผลจากการผ่อนคลายความกังวลในประเด็นสงครามการค้าระดับหนึ่ง กล่าวคือ ทั้ง 2 ประเทศยังคงดำเนินนโยบายกีดกันการค้าแบบค่อยเป็นค่อยไป (ในวันที่ 24 ก.ย. สหรัฐประกาศขึ้นภาษี 10% วงเงิน 2.0แสนล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมลดจำนวนสินค้าลงเหลือ 5.7 พันรายการ ในขณะที่เห็นได้ชัดว่าจีนยังคงเป็นฝ่ายตั้งรับ ด้วยตอบโต้แบบค่อยเป็นค่อยไปเช่นกันด้วยอัตราภาษี 5-10% วงเงิน 6.0 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ) อย่างไรก็ตามเรามองการผ่อนคลายเรื่องสงครามการค้าเป็นเพียงระยะสั้น และยังมีความเสี่ยงที่ Trump จะเพิ่มระดับความตึงเครียดได้อีกในอนาคต สำหรับปัจจัยพื้นฐาน ปัจจุบันนักวิเคราะห์ยังคงปรับประมาณการกำไร EPS ลง (YTD ทำระดับต่ำสุดต่อเนื่องเหลือ 107.6 จากที่เคยสูงกว่า 110.7) สวนทาง Flow จากนักลงทุนสถาบันที่ทยอยซื้ออย่างต่อเนื่อง จากประเด็นที่กล่าวมานำมาซึ่งบทสรุปในเชิงกลยุทธ์ว่า เราแนะ Go with the flow ในเฉพาะหุ้นกลุ่ม Domestic ที่มี Upside มากกว่า 10% พร้อมใช้เทคนิคประกอบการตัดสินใจการเก็งกำไรในครั้งนี้
Investment Theme: ด้วยกระแส fund flow ที่ให้มุมมองเชิงบวกต่อไทย เราขยับแนวต้านขึ้นเป็น 1,750 จุด +/- เน้นหุ้นกลุ่ม Domestic นำโดย CPALL, STEC, BEM, SCB และหุ้นที่ปัจจัยพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่ขึ้น (มี Upside) นำโดย GOLD, PRM พร้อมแนะเลี่ยงการลงทุนในกลุ่มท่องเที่ยวและสายการบิน เนื่องจากมองว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยังฟื้นตัวลำบาก
Big issue
เมื่อคืนที่ผ่านมา – ส.อ.ท.เผยดัชนีเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนส.ค.ปรับตัวลดลงเหลือ 92.5 จากฤดูฝนและความกังวลสงคราการค้า / BoJ คงดอกเบี้ยที่ -0.1% / Jack MA ให้ความเห็นสงครามการค้าสหรัฐ-จีนอาจยืดยาวนานกว่า 20ปี / กนง.คงดอกเบี้ย 1.50% ด้วยเสียง 5:2 / กสทช เตรียมจัดประมูลคลื่น 900 MHz รอบใหม่ 20 ตค.นี้ เริ่มต้น 37,989 ล้านบาท
Stock pick : -
Trading idea – สัญญาณค่าเงินบาทที่เริ่มแข็งค่าขึ้น (หลุดระดับ 32.6 บาทต่อดอลล่าร์ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย EMA200) ถือเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้น PTTEP, SYNEX, TKN และระมัดระวังกลุ่มส่งออกที่อาจโดนแรงกดดันจากค่าเงินบาทแข็ง / เก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่+กลาง ที่มีโอกาสเป็นเป้าหมายของกระแสเงิน เช่น KBANK TMB PTT PLANB BEM HMPRO GLOBAL / หุ้นเล็ก เน้นกำไรเด่นอย่างมีนัยสำคัญใน 2H61 เช่น III SYNEX / เก็งกำไร CPALL กรอบ 65.0 – 69.0/ เลี่ยงการลงทุน DTAC และกลุ่มท่องเที่ยว
Technical View
หลุด 1745 อาจ Lock Profit ระยะสั้นเพื่อเล่นรอบ: ดัชนีแกว่งตัวขึ้นในช่วงเช้า ก่อนจะเริ่มมีแรงขายในช่วงบ่าย ทำให้เกิดแท่งเทียนเชิงลบแบบ Gravestone Doji ระยะสั้นพิจารณาแนวรับ 1745 หากหลุดอาจเป็นจุดขายทำกำไรในช่วงสั้น เนื่องจากดัชนีจะกลับมาแกว่งตัวลงในกรอบ 1730-1745 (ให้น้ำหนักกรณีที่มีโอกาสหลุด 1745) แต่หากไม่หลุด 1745 แนะนำ Let Profit Run และมองกรอบการแกว่ง 1745-1775 สำหรับในระยะกลางถึงยาวหากไม่หลุด 1730 ยังถือว่าคอนเฟิร์มการ Break Double Bottom รอบนี้
กลยุทธ์การลงทุน 1) มีหุ้น : หากหลุด 1745 แนะนำ Lock Profit ในระยะสั้น เพื่อเล่นรอบ แต่จังหวะอ่อนตัวหากไม่หลุด 1730 อาจพิจารณารอซื้อที่แนวรับดังกล่าว ในทางตรงข้ามหากยืน 1745 ได้ แนะนำถือต่อ 2) ไม่มีหุ้น : หากอ่อนตัวไม่หลุด 1745 อาจ Trading ในกรอบ 1745-1775
แนวรับ : 1730, 1745 แนวต้าน : 1760, 1775
Keep an eye on…
ปัจจัยต่างประเทศ: ท่าทีการเจรจาระหว่าง US กับจีน
ปัจจัยในประเทศ: ยื่นซองประมูลบงกช –เอราวัณ 25 กย. นี้ รู้ผล ธค. /การประมูลคลื่น 900 MHz รอบใหม่
หุ้นเทคนิค:
CPALL (B 69.00-70.00, Tp 73.00//75.00, Cut 68.50)
TOP (B 86.00, Tp 90.00, Cut 85.00)
ข่าวเด่น