กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Let Profit Run
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นทะลุ 1,750 จุดได้โดยแรงซื้อส่วนใหญ่ยังมาจากสถาบันในประเทศถึง 6.2 พันลบ. และนักลงทุนต่างชาติ 1.6 พันลบ. จากประเด็นสงครามการค้าที่มีน้ำหนักน้อยลง ขณะที่กนง.เริ่มเสียงแตกในการคงอัตราดอกเบี้ย (5 ต่อ 2) อย่างไรก็ตามดัชนีมีจังหวะอ่อนตัวลงมาในช่วงท้ายชั่วโมงซื้อขายและปิดบวกแคบลงเหลือ 5.38 จุด ณ สิ้นวัน
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะแกว่งตัว Sideways พักตัวระยะสั้นหลังจากที่ปรับตัวขึ้นค่อนข้างแรงและเร็วในช่วง 5 วันล่าสุด อย่างไรก็ตามยังมองว่าตลาดยังอยู่ในช่วงของการแกว่งตัวขึ้นหนุนโดยปัจจัยในประเทศเป็นหลักทั้งเศรษฐกิจและการเมืองที่มีเสถียรภาพ ซึ่งสร้างความเชื่อมั่นและกระแสเงินทุนเริ่มเห็นพลิกมาไหลเข้าอีกครั้ง ขณะที่ประเด็นสงครามการค้าตลาดซึมซับข่าวลบไปมากแล้วและผลกระทบอาจไม่มากอย่างที่เคยกลัว เรามองหุ้นในกลุ่ม Domestic Play ที่ยัง Laggard น่าจะ Outperform ตลาดได้
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic และ Laggard Play//ระยะกลาง-ยาวยังเน้นถือ Let Profit Run
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM
Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$598ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าไต้หวัน US$330ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$49ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$12ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคหลังตลาดลดความกังวลต่อมาตรการทางภาษีของสหรัฐต่อจีน
ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> CPALL <<
- แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 82 บาท
- เป็น 1 ในหุ้นใหญ่ที่ราคายัง Laggard โดยช่วง 3 เดือน -12% แย่กว่า SET50 ที่ +0.3% ขณะที่ การฟื้นกลับเร็วของราคาวานนี้จะกระตุ้นให้เกิดแรง Cover Short ตามมา ซึ่งมีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 70 บาท
- แนวโน้ม 2H18 จะค่อยๆฟื้นตัว โดยจะเร่งมากขึ้นใน 4Q18 ที่เป็น High Season และคาดว่า Stamp Promotion จะทำตลาดได้ดีขึ้น อีกทั้ง ดอกเบี้ยจ่ายจะลดลงจากการชำระหนี้หุ้นกู้ราว 1 หมื่นลบ.
- คาดกำไรสุทธิทั้งปีนี้ +3% Y-Y อยู่ที่ 20,438 ลบ. ก่อนจะโตเร่งขึ้น 15% Y-Y อยู่ที่ 23,426 ลบ. ในปีหน้า
ประเด็นสำคัญวันนี้
(+) เราคาด กนง.ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เดือน ธ.ค. แม้กนง.จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.5% วานนี้ แต่เสียงแตกมากขึ้น โดยกรรมการ 2 ท่านโหวตให้ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% และในแถลงการณ์ที่ระบุว่า “การดำเนินนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากในปัจจุบันจะทยอยลดความจำเป็นลง” ซึ่งไม่มีในการประชุมครั้งก่อนๆ เป็นการส่งสัญญาณให้ตลาดเตรียมตัว เราคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายจะปรับขึ้น 0.25% เดือน ธ.ค. (กนง.เหลือการประชุมในวันที่ 14 พ.ย. และ 19 ธ.ค.) แม้ว่าเงินบาทจะแข็งค่าเร็ววานนี้แต่จะมีจังหวะอ่อนในช่วงปลายเดือนหาก Fed ขึ้นดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม กุล่มอิเล็กทรอนิกส์และหุ้นส่งออกอื่นๆ ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี (ยกเว้นเก็งกำไรช่วงประกาศงบฯ 3Q18) แต่กลุ่มที่ได้อานิสงส์เต็มที่คือแบงก์ขนาดใหญ่ (KBANK, BBL)
(0) กลุ่มสื่อสารฯ ที่ประชุมบอร์ดกสทช.มีมติจัดประมูลคลื่น 900 MHz รอบใหม่วันที่ 20 ต.ค. 2018 โดยเพิ่มราคาตั้งต้นกลับมาที่ 3.8 หมื่นลบ. แต่ตัดเงื่อนไขผู้ชนะประมูลต้องรับผิดชอบการจัดทำระบบป้องกันการรบกวนบริการระบบรางแก่ผู้ให้บริการรายอื่นออก และให้ใช้งานย่าน 850 MHz ได้ใน 2 ปีแรก ซึ่งถือเป็น Sentiment เชิงบวกสำหรับ DTAC ที่มีโอกาสคว้าคลื่น Low Band อีกครั้งและเงื่อนไขเอื้อประโยชน์มากขึ้น อย่างไรก็ตามหาก DTAC ชนะประมูล สิ่งที่ตลาดจะให้น้ำหนักต่อไปคือฝั่งต้นทุนใบอนุญาตที่จะกดดันราว 2.5 พันลบ.ต่อปี เราแนะนำเพียง เก็งกำไร และยังชอบ ADVANC INTUCH มากกว่า
(+) กลุ่มรับเหมา รฟท. คาดออก TOR รถไฟไทย-จีน ช่วงระยะ 11 กม. มูลค่า 3 พันลบ. ใน ก.ย. – ต.ค. 18 และคาดได้ผู้ชนะประมูล ม.ค. 19 กรอบเวลาที่ชัดเจนมากขึ้นเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มรับเหมา โดยเฉพาะผู้รับเหมาใหญ่อย่าง CK STEC และ UNIQ
(+) PRM เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2018 เท่ากับ 9 บาท แม้ราคาหุ้นจะขึ้นมาแล้วพอควร แต่ประมาณการของเราพร้อมเปิด Upside ใน 2 ประเด็น คือ (1) เรายังไม่รวมโอกาสที่จะได้งานในกลุ่ม FSU และ Offshore หลังประมูลแหล่งบงกชและเอรวัณ และ (2) เรา Valuation โดยอิง PE Multiplier ที่ 22 เท่า ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดตั้งแต่เข้าตลาด ขณะที่ ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 30 เท่า และภูมิภาคเทรดกันที่ 33 เท่า โดยมีปัจจัยหนุนระยะสั้นคือแนวโน้มกำไรสุทธิ 3Q18 ที่เราคาดว่าจะกลับมาแตะระดับ 300 ล้านบาทได้อีกครั้ง +52% Q-Q, +112% Y-Y สูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส และยังมีโมเมนตัมที่ดีใน 4Q18 ต่อเนื่องถึงปีหน้า จากการลงทุนด้านพลังงานของกลุ่ม PTT นอกจากนี้ เรามองว่า PRM จะได้ประโยชน์จากภาพอุตสาหกรรมเดินเรือขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีที่กำลังกลับมาเป็นขาขึ้น ตรงข้ามกับเรือเทกองที่กำลังอ่อนตัวลง อีกทั้ง ด้วยโครงสร้างรายได้ที่กระจุกตัวอยู่ในประเทศและอาเซียน จึงแทบไม่ถูกกระทบจากสงครามการค้า เราจึงยกให้เป็น Top Pick ของกลุ่มขนส่งทางเรือ
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
21 ก.ย.
|
- Flash PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)
|
24 ก.ย.
|
-จีน: ตลาดหุ้นจีนและไต้หวันปิดทำการเนื่องในเทศกาลไหว้พระจันทร์
|
25 ก.ย.
|
- สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%
|
(+) ตลาดดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นจากแรงหนุนในหุ้นกลุ่มธนาคารและสถาบันการเงิน หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 3.10% อีกครั้ง
(+) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นจากกลุ่มธนาคาร หลังมีการเก็งกำไรการขึ้นดอกเบี้ยของ BOE
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ยังคงปรับตัวขึ้น หลังจากสงครามทางการค้ายังไม่ได้รุนแรงมากขึ้น และจากข่าวที่สหรัฐเตรียมจะไปเจรจากับทางเกาหลีเหนืออีกครั้งในเร็วๆนี้
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 1.27 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 71.12 ดอลลาร์/บาร์เรล จากตัวเลขสต็อคน้ำมันดิบรวมของสหรัฐและที่เมืองคุชชิ่ง ที่ยังคงปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 5.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 5.4 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1208.30 ดอลลาร์/ออนซ์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง
ข่าวเด่น