กลยุทธ์วันนี้ >> Domestic and Laggard Play//Let Profit Run

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแตะระดับทะลุ 1,762 จุดอีกครั้งในช่วงเปิดตลาดก่อนที่จะอ่อนตัวลงมาแกว่งตัว Sideways ตามคาดและปิดบวก 2.31 จุด ณ สิ้นวัน โดยเริ่มมีจังหวะแกว่งพักฐานหลังจากดีดตัวขึ้นแรงราว 70-80 จุดในช่วง 5-6 วันล่าสุด โดยสถาบันในประเทศพลิกมาขายสุทธิ 384 ลบ.หลังจากซื้อหนาแน่นในช่วง 2 วันก่อนหน้า ส่วนนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิเพิ่มเล็กน้อย 
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่าจะแกว่งตัวในแดนบวกได้ต่อเนื่องจากบรรยากาศการลงทุนที่ค่อนข้างสดใสหลัง DJIA พุ่งทำ New High อีกครั้ง โดยปัจจัยหนุนยังเป็นเรื่องความกังวลประเด็นสงครามการค้าที่ผ่อนคลาย ขณะที่ปัจจัยในประเทศโดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ค่อนข้างชัดเจนยังเป็นอีกปัจจัยขับเคลื่อนความเชื่อมั่นและทำให้กระแสเงินทุนมีโอกาสไหลเข้าต่อเนื่อง แม้ระยะสั้นดัชนีอาจมีจังหวะพักตัวให้เห็นเป็นบางช่วง แต่เรามองเป็นการพักเพื่อขึ้นต่อในระยะ 4-6 เดือนข้างหน้า เรายังเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม Domestic Play โดยเลือกตัวที่ Laggard มากขึ้นซึ่งน่าจะ Outperform ตลาดได้ 
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic และ Laggard Play//ระยะกลาง-ยาวยังเน้นถือ Let Profit Run
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM  

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$393ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้ US$239ล้าน ส่วนไทยมีเม็ดเงินไหลเข้า US$3ล้าน ขณะที่ไหลออกจากฟิลิปปินส์ US$7ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลเข้าภูมิภาคตามการปรับขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐที่ทำนิวโฮด์หลังคลายกังวลต่อมาตรการทางการค้าของสหรัฐ

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ASK <<

• แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 26.20 บาท
• วานนี้ราคา THANI ขึ้นโดดเด่น 7% แต่ ASK ยังทรงตัว ทั้งที่ Valuation น่าสนใจมากกว่า โดย PE ที่ 10 เท่า PBV ที่ 1.6 เท่า คิดเป็นครึ่งหนึ่งของ THANI อีกทั้งยังให้ปันผลสูง 6-7% ต่อปี
• ระยะสั้นได้แรงหนุนจาการที่กรมการขนส่งทางบกไม่ยืดอายุการใช้งานรถตู้ที่กำหนดไว้ 10 ปี ทำให้รถตู้กว่า 1,800 คันที่จะหมดอายุ 1 ต.ค. นี้ ถ้าจะวิ่งต่อต้องออกรถใหม่ เป็นบวกกับ ASK ที่จะทำให้สินเชื่อเช่าซื้อเร่งตัวขึ้นตาม

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (0) ติดตามการประชุมกลุ่ม OPEC และ Non-OPEC เสาร์นี้ ว่าจะเพิ่มกำลังการผลิตหรือไม่ เพื่อเป็นการชดเชยน้ำมันดิบของอิหร่านที่อาจลดลงหลังถูกสหรัญคว่ำบาตรเต็มรูปแบบ 4 พ.ย. นี้ ซึ่ง OPEC ส่งสัญญาณไม่เพิ่มการผลิต ราคาน้ำมันที่ขึ้นหรือลงจะมีผลโดยตรงต่อราคาหุ้น PTTEP ซึ่งมีประเด็นให้ลุ้นวันอังคารหน้าที่เป็นวันเปิดให้ยื่นประมูลแหล่งบงกชและเอราวัณ ว่าจะมีผู้ประกอบการใดบ้างที่จะยื่นซอง   
  (0) กลุ่มท่องเที่ยว จำนวนนักท่องเที่ยวเดือน ส.ค. 18 อยู่ที่ 3.2 ล้านคน +3% Y-Y โตต่ำต่อเนื่องจากผลกระทบของเหตุเรือล่มที่ภูเก็ต และควันหลงฟุตบอลโลก ทำให้นักท่องเที่ยวจีนและรัสเซียยังหดตัว 11.8% Y-Y และ 8% Y-Y ตามลำดับ ผลประกอบการ 3Q18 ของผู้ที่มีสัดส่วนรายได้ในไทยมากอย่าง CENTEL และ ERW มีโอกาสเติบโตในระดับต่ำ ขณะที่ MINT คาดว่าจะเห็นการเติบโตที่เด่นกว่าจากธุรกิจในต่างประเทศและเป็น High Season ของโปรตุเกส เราจึงให้เป็น Top Pick ในช่วงนี้ ราคาเหมาะสม 44 บาท (ยังไม่รวมดีล NH Hotel ที่จะ Tender Offer สิ้นสุดเดือน ต.ค.)
  (0) กลุ่มยานยนต์ ยอดผลิตรถยนต์ ส.ค. 18 อยู่ที่ 181,237 คัน ลดลง 1% M-M แต่เพิ่มขึ้น 2% Y-Y ยอดขายในประเทศยังเร่งตัวขึ้นตามการฟื้นตัวของกำลังซื้อในประเทศ ส่วนยอดส่งออกรถยนต์ทรงตัว Y-Y เป็นเดือนที่ 2 เพราะการส่งออกรถยนต์นั่งและรถกระบะลดลงเกือบทุกตลาดยกเว้นเอเชีย แอฟริกา และยุโรป  ยอดผลิตรถยนต์ 8M18 อยู่ที่ 1,420,925 คัน เพิ่มขึ้น 10% Y-Y เป็นไปได้ที่ยอดผลิตรถยนต์ปีนี้จะทำได้เกินเป้าของ สอท. ที่ 2.1 ล้านคัน แต่เนื่องจากเรามองว่าฐานครึ่งปีหลังของปีก่อนค่อนข้างสูง โดยเฉพาะ AH และ SAT ที่มีรายการพิเศษจากการรวมกิจการ ทำให้อัตราเร่งการเติบโต 2H18 จะไม่โดดเด่นเหมือน 1H18 เราจึงให้น้ำหนักของกลุ่มเพียง Neutral และแนะนำ PCSGH เป็น Top Pick ราคาเป้าหมาย 11 บาท เพราะราคาหุ้นที่ยัง laggard กลุ่ม และคาดว่ากำไร 2H18 จะโตโดดเด่นกว่าจากฐานต่ำ และโรงงานในยุโรปเริ่มมีกำไร รวมถึงเป็น High Season ของการผลิตกลุ่ม Non-Auto
  (0) SCB รายงานสินเชื่อเดือน ส.ค. ลดลง 0.4% M-M หรือราว 8.4 พันลบ. ส่วนใหญ่เกิดจากการจ่ายชำระคืนของสินเชื่อในกลุ่มลูกค้า Corporate และ SME ส่วนสินเชื่อรายย่อยยังเห็นการปรับขึ้นในทุก segment โดยเฉพาะ Personal Loan (Speedy) รวมสินเชื่อ 8M18 +3.18% YTD หากเทียบกับเป้าหมายทั้งปีของเราที่ 6% ยังค่อนข้างท้าทาย ด้านเงินฝากปรับขึ้นได้ดีเกินคาด +3.26% M-M หรือราว 6.6 หมื่นลบ. (แต่ 8M18 +0.24% YTD) ส่วนใหญ่มาจากเงินฝาก CASA ที่เพิ่มตามปริมาณธุรกรรมผ่านดิจิทัลที่มากขึ้น ราคาหุ้นขึ้นมาเกินราคาเหมาะสมปี 2018 ของเราที่ 142 บาท และแนวโน้มกำไรใน 2H18 คาดว่าจะชะลอเพราะค่าใช้จ่ายจากการลงทุนในระบบ IT (น่าจะ peak ใน 4Q18) จึงแนะนำ Switch เป็น KBANK หรือ BBL
  (0) TIGER ผู้รับเหมาขนาดเล็ก รับก่อสร้างงานวิศวกรรม ออกแบบวิศวกรรม ออกแบบสถาปัตยกรรมและตกแต่งภายใน รายได้หลักกว่า 70% มาจากงานก่อสร้างสาธารณูปโภค โครงการภาครัฐ และอาคารสำนักงาน ปัจจุบันมี Backlog 1 พันลบ. รับรู้เป็นรายได้ปี 2018-19 ปีละครึ่งหนึ่ง รองรับคาดการณ์รายได้ที่เราคาดในปีนี้ 100% และแม้จะคิดเป็น 35% ของประมาณการรายได้ปีหน้า แต่บริษัทได้เข้าร่วมงานประมูลอีกมาก และน่าจะได้อานิสงส์จากการลงทุนจากทั้งภาครัฐและเอกชนที่จะเพิ่มขึ้น เราคาดกำไรสุทธิโต 45% CAGR ในปี 2018-19 ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2019 ที่ 4.65 บาท (PE 15 เท่า) (FSS เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่านหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TIGER)

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

(+) ตลาดสหรัฐปรับตัวขึ้นขานรับข่าวที่ทางการจีนมีแผนจะปรับลดอัตราภาษีเฉลี่ยนำเข้าของประเทศคู่ค้าลง เพื่อลดผลกระทบต่อผู้บริโภคในประเทศจากค่าเงินที่อ่อนและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ
(+) ตลาดหุ้นยุโรปยังคงปรับตัวขึ้นจากกลุ่มธนาคารรวมถึงตัวเลขยอดค้าปลีกในอังกฤษที่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด
(+) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวขึ้นอย่างสดใส จากแผนของทางการจีนที่อาจจะลดภาษีนำเข้าลง รวมถึงการชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคของนาย ชินโซะ อาเบะ เป็นสมัยที่สามติดต่อกัน
(-) ค่าเงินบาทพลิกกลับมาอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.40 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 0.32 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 70.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังปธ.ทรัมป์ออกมาโจมตี OPEC อีกครั้งโดยเรียกร้องให้ลดราคาน้ำมันดิบลง แต่ต้องรอดูท่าที่ของที่ประชุม OPEC ในวันอาทิตย์นี้
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 6.14 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.0 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1211.30 ดอลลาร์/ออนซ์