ข่าว เบรกกิ้งนิวส์
บล.ฟินันเซียไซรัส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน SET Index คาดว่ายังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัว (25/09/61)


 กลยุทธ์วันนี้ >> Energy and Laggard Play//Mid-Term Let Profit Run

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งตัว Sideways และมีจังหวะพักฐานตามคาดหลังจากปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีปิดลบราว 7 จุด ณ สิ้นวันโดยนักลงทุนจับตาดูการประชุม FOMC กลางสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่องอีกราว 700 ลบ. ขณะที่สถาบันในประเทศขายสุทธิสูงถึง 2.2 พันลบ. 
แนวโน้มตลาดวันนี้ : SET Index คาดว่ายังคงอยู่ในช่วงแกว่งตัว Sideways พักฐานต่อเนื่องหลังจากที่ปรับตัวขึ้นแรงและเร็วในช่วงก่อนหน้า โดยกลุ่มพลังงานคาดว่าจะยังพยุงตลาดได้ตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นหลัง OPEC ยังไม่เพิ่มกำลังการผลิต แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องติดตามทั้งการประชุม FED ในช่วง 2 วันนี้ รวมถึงความไม่แน่นอนด้านการเมืองของสหรัฐฯกรณีขัดแย้งตัวรัฐมนตรีช่วยยุติธรรม ส่งผลให้กระแสเงินทุนคาดว่ายังชะลอตัวในระยะนี้ อย่างไรก็ตามเรายังมีมุมมองเป็นบวกในระยะกลางสำหรับการปรับขึ้นของ SET โดยเลือกหุ้นที่ Laggard มากขึ้น 
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่มพลังงานและหุ้นที่ยัง Laggard //ระยะกลาง-ยาวยังเน้นถือ Let Profit Run
หุ้นเด่นเดือนก.ย. : ASK, CHG, CK, CPALL, PRM  

Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนไหลเข้าภูมิภาค US$10ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลออกจากไทย US$22ล้าน ขณะที่ไหลเข้าอินโดนีเซีย US$40ล้าน แนวโน้มกระแสเงินทุนมีทิศทางไหลออกจากภูมิภาคหลังตลาดกลับมากังวลต่อผลกระทบของมาตรการภาษีของสหรัฐและจีนที่มีผลบังคับแล้ว และติดตามผลประชุม Fed ในสัปดาห์นี้

ชวนเม้าท์หุ้นเด่น >> ATP30 <<

  • แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.30 บาท
  • คาดกำไร 3Q18 โตทั้ง Q-Q, Y-Y และทำจุดสูงสุดใหม่ จาก High Season ที่มีวันหยุดไม่มาก และการเริ่มให้บริการลูกค้าใหม่อย่าง Mega Bangna ด้วยรถ Shuttle Bus 6 คัน และ SPRC ด้วยรถตู้ 10 คัน บวกกับอัตรากำไรขั้นต้นที่จะเร่งขึ้นจาก Economy of Scale
  • คาดกำไรสุทธิปี 2018 +54% Y-Y เป็น 40 ลบ. และ +16% Y-Y เป็น 47 ลบ. ในปี 2019
  • ลูกค้าใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ PE กลับอ่อนตัวลง โดย PE2018 อยู่ที่ 24 เท่า และจะลดลงเหลือ 21 เท่าในปี 2019 ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าตลาดที่ 32 เท่า

ประเด็นสำคัญวันนี้
  (+) เดินหน้าการประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ กระทรวงพลังงานยังยืนยันประมูตามกรอบเวลาเดิม ซึ่งในวันนี้ จะเปิดให้มีการยื่นข้อเสนอด้านเทคนิคและผลประโยชน์ตอบแทนรัฐ และคาดว่าจะรู้ผลผู้ชนะในช่วงปลายเดือน พ.ย. – ธ.ค. 2018 ปัจจุบันเหลือผู้มีสิทธิยื่นข้อเสนอทั้งหมด 4 ราย ได้แก่ PTTEP, TOTAL (Partnerของสผ.), MUBADALA และ CHEVRON โดยประเด็นดังกล่าวยังคงช่วยหนุน PTTEP ได้ในระยะสั้น ควบคู่กับราคาน้ำมันดิบ Brent ที่กลับมายืนเหนือ $80/บาร์เรล อีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงที่ผ่านมา คาดว่าจะตอบรับกับการชนะการประมูลไปแล้วบางส่วน จึงแนะนำให้เก็งกำไรอย่างระมัดระวัง และให้จับตา PRM ที่จะ Outperform คู่ไปกับ PTTEP เพราะมีจุดเด่นจากการเป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่มีเรือสำรวจและจัดเก็บน้ำมันที่ติดธงไทย เรายังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายเดิม 9 บาท
  (+) กลุ่มธนาคารพาณิชย์ จากสัมมนาประจำปีของธปท. ในมุมมองของสังคมไร้เงินสด (less-cash society ไม่ใช่ cashless society) งานวิจัยระบุว่าต้นทุนของการขนส่งเงินสดที่ธนาคารพาณิชย์ต้องจ่ายอยู่ที่ราว 4 หมื่นลบ.ต่อปี หรือคิดเป็น 16% ของกำไรกลุ่มธนาคาร ต้นทุนดังกล่าวสูงกว่ารายได้ค่าธรรมเนียมจากบัตรและธนาคารอิเล็กทรอนิกส์ที่รวมกันราว 3.2 หมื่นลบ.ต่อปี นั่นหมายความว่าท้ายที่สุดรายได้ค่าธรรมเนียมการโอนที่ลดลงจะชดเชยได้ทั้งหมดจากการประหยัดต้นทุนการขนส่งเงินสดในระยะยาว ทำให้เราเชื่อมั่นต่อการจัดการของกลุ่มธนาคารในระยะยาวมากขึ้น ปัจจุบันมีผู้เปิดใช้บริการ Promp-pay ราว 43% ของคนทั้งประเทศ มียอดการใช้งานกว่า 2.7 ล้านรายการต่อวัน เราน่าจะเห็น Benefit ที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนและฐานข้อมูลลูกค้าที่จะนำไปวิเคราะห์เพื่อเสนอบริการที่ดีขึ้น ยังแนะนำซื้อ TISCO (TP 98 บาท), KBANK (TP 235 บาท) และ BBL (TP 232 บาท) 
  (+) PCSGH Big Lot ที่เกิดขึ้น 47.55 ล้านหุ้น ราคา 7 บาทเมื่อสัปดาห์ก่อน เป็นเพียงการปรับโครงสร้างการถือหุ้นภายในกลุ่มครอบครัวรุ่งโรจน์กิติยศ ซึ่งปัจจุบันยังถือหุ้นรวมกันสูงถึง 74.76% จึงไม่มีผลต่อการบริหาร และแรงจูงใจในการยกระดับการเติบโตในอนาคต ซึงเรายังมั่นใจว่ากำไรของ PCSGH จะ Outperform กลุ่มใน 2H18 เพราะฐานปีก่อนไม่สูงและโรงงานในยุโรปเริ่มทำกำไรได้ อีกทั้ง การปรับขึ้นของราคาน้ำมันจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดรถยนต์ EV ซึ่งจะยิ่งเป็นบวกกับ PCSGH ที่เริ่มผลิตและส่งมอบให้ลูกค้ายุโรปใน 4Q19 โดยเราคาดว่าลูกค้าแถบเอเชียทั้ง Toyota และ Nissan ที่เป็นลูกค้าหลักของ PCSGH อยู่แล้ว จะทยอยส่งคำสั่งซื้อชิ้นส่วน EV เข้ามาเพิ่มเติม เพราะโรงงานตอนนี้พร้อมและทันสมัยที่สุด ยังแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 11 บาท

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

25 ก.ย.

สหรัฐฯ: ประชุม FOMC ตลาดคาดขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 2.25%

ยื่นซองประมูลแหล่งบงกช-เอราวัณ

27 ก.ย.

สหรัฐ: ดุลการค้า (ส.ค.), 2Q18 GDP ครั้งสุดท้าย, อัตราเงินเฟ้อ (PCE) 2Q18

28 ก.ย.

จีน: Caixin PMI ภาคการผลิต (ก.ย.)

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง หลังสหรัฐและจีนเริ่มเก็บภาษีกันเป็นรอบที่ 2 โดยที่ยังไม่ได้มีความคืบหน้าในการเจรจาใดๆ นอกจากนี้ตลาดยังคาดว่า FEDอาจมีการขึ้นดอกเบี้ยในวันพุธนี้
(-) ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง จากความกังวลเรื่องสงครามการค้า รวมไปถึงการเห็นสัญญาณเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อและการตึงตัวมากขึ้นในตลาดแรงงาน ทำให้ตลาดคาดว่า ECB อาจมีการขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆนี้
(-) ตลาดเอเชียเช้านี้ปรับตัวผสมผสาน แต่ประเด็นที่ต้องจับตาคือปัญหาหนี้ในอินเดียและจีน หลังเริ่มมีบริษัทผิดนัดชำระหนี้ระยะสั้นมากขึ้น
(+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 32.43 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ส่งมอบเดือน พ.ย. พุ่งขึ้น 1.30 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 72.08 ดอลลาร์/บาร์เรล จากความกังวลเรื่อง Supply ตึงตัวมากขึ้น หลังที่ประชุม OPEC – Non OPEC ยังไม่ได้มีแผนเพิ่มกำลังการผลิตใหม่
(+) ค่าการกลั่นสิงคโปร์ปรับตัวขึ้น ล่าสุดเคลื่อนไหวอยู่ที่ 6.07 ดอลลาร์/บาร์เรล
() ราคาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.1 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 1204.40 ดอลลาร์/ออนซ์


บันทึกโดย : Adminวันที่ : 25 ก.ย. 2561 เวลา : 09:38:20

24-11-2024
Feed Facebook Twitter More...

อัพเดทล่าสุดเมื่อ November 24, 2024, 5:12 pm