คำแนะนำ

  หากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วน โดยความแข็งแกร่งของราคาทองคำและแรงซื้อน้อย ทำให้การลงทุนอาจต้องเป็นไปในลักษณะรอจังหวะการอ่อนตัวลงของราคาค่อยเข้าซื้อ

แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,191 1,187 1,175 
แนวต้าน 1,207 1,214 1,228

ปัจจัยพื้นฐาน
  ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง  ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายที่เบาบางในตลาดเอเชียเนื่องจากญี่ปุ่น, จีนและเกาหลีใต้ปิดทำการเนื่องในวันหยุด  อย่างไรก็ดีในระหว่างการซื้อขายช่วงต้นของตลาดนิวยอร์กราคาทองคำดีดตัวขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์  หลังจากปอนด์ดีดตัวขึ้นขานรับถ้อยแถลงของรัฐมนตรีอังกฤษฝ่ายกิจการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่แสดงความเชื่อมั่นว่าสหราชอาณาจักรจะสามารถทำข้อตกลง Brexit กับสหภาพยุโรป(EU)ได้  นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากสกุลเงินยูโรที่แข็งค่าขึ้นจากถ้อยแถลงของนายมาริโอ  ดรากีประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB)ที่ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เนื่องจากตลาดแรงงานประสบภาวะตึงตัว ซึ่งจะผลักดันการขยายตัวของค่าแรง  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำขึ้นไปแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,204.20  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่จะลดช่วงบวกลงจากแรงขายทำกำไรเนื่องจากนักลงทุนระมัดระวังในการถือครองสถานะในช่วงก่อนการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในวันที่ 25-26 ก.ย.นี้  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาบ้าน (HPI),  ดัชนีราคาบ้านเดือนก.ค.โดย S&P/CS, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.ย.จาก CBและ ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย. จากเฟดริชมอนด์

ปัจจัยทางเทคนิค
  ราคาทองคำยังคงพยายามกลับขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนเหนือบริเวณดังกล่าวได้ มีแนวโน้มจะขึ้นไปทดสอบ 1,214 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ถ้าไม่สามารถปรับขึ้นได้ จะเกิดแรงขายออกมาเป็นระยะ โดยแนวรับระยะสั้นจะอยู่ที่ 1,191-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES  
  หากยังไม่สามารถผ่าน 1,207 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ อาจใช้วิธีการเดิมคือลดพอร์ตสถานะซื้อลง และสำหรับนักลงทุนที่เก็งกำไรฝั่งซื้อระยะสั้น ยังคงต้องตั้งจุดตัดขาดทุนไว้ล่วงหน้าให้ชัดเจน โดยรอเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,191-1,187 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เพื่อเล่นสั้นหากราคาทองคำยืนเหนือแนวรับได้