คำแนะนำ
เสี่ยงซื้อในบริเวณ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์) ทั้งนี้ควรพิจารณาการแกว่งตัวของค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นค่อนข้างมากในช่วงที่ผ่านมาเพื่อประกอบการตัดสินใจลงทุน
แนวรับ-แนวต้าน
แนวรับ 1,175 1,160 1,151
แนวต้าน 1,191 1,200 1,211
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลงถึง 11.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์จากการส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ทั้งในปีนี้และปีหน้า รวมไปถึงการเปิดเผยตัวเลข GDP สหรัฐประจำไตรมาส 2 ขยายตัวที่ระดับ 4.2% ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากตัวเลขประมาณการก่อนหน้านี้และถือเป็นอัตราการเติบโตสูงที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี อีกสาเหตุสำคัญที่หนุนดอลลาร์ ได้แก่ การอ่อนค่าของยูโรจากปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมืองในอิตาลี หลัง Corriere della Serra ซึ่งเป็นสื่อของอิตาลีรายงานว่า การประชุมงบประมาณของอิตาลีอาจล่าช้าออกไปอีกทำให้เกิดความวิตกว่าพรรครัฐบาลของอิตาลีอาจจะผลักดันยอดขาดดุลงบประมาณที่สูงขึ้นซึ่งอาจสร้างความเสี่ยงให้แก่อิตาลีซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจเป็นอันดับ 3 ของยูโรโซน สถานการณ์ดังกล่าวกดดันยูโรและหนุนดอลลาร์เพิ่มเติม จนเป็นผลให้ราคาทองคำร่วงหลุดกรอบการเคลื่อนไหวเดิมและดิ่งลงแรงกว่า 1% มาแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,181.72 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในระหว่างการซื้อขายของวานนี้ สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีการใช้จ่ายส่วนบุคคล (PCE)ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อของเฟด, การใช้จ่ายและรายได้ส่วนบุคคล, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคช่วงท้ายเดือนก.ย.จาก UoM
ปัจจัยทางเทคนิค
ราคาทองคำปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านและก่อนหน้านี้มีแรงช้อนซื้อเก็งกำไรสลับเข้ามาแต่ไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตามหากราคาทองคำไม่สามารถยืน 1,191 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ โดยนักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรออกมาที่อาจเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจกดดันราคาทองคำให้ลงสู่แนวรับในระดับ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้
กลยุทธ์การลงทุน GOLD SPOT & GOLD FUTURES
หากราคาทองคำดีดตัวขึ้นแต่ไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวต้าน 1,191 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ให้แบ่งทองคำออกขายเพื่อทำกำไรบางส่วน แต่หากผ่านได้ให้ชะลอการขายออกไป ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำในมือรอดูบริเวณ 1,175 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากสามารถยืนได้อย่างมั่นคงถือเป็นจุดเสี่ยงซื้อเก็งกำไรระยะสั้นอีกครั้ง
ข่าวเด่น