- ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงเล็กน้อย หลังตลาดคาดปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี จากความกังวลต่อภาวะอุปทานน้ำมันดิบตึงตัวและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับดี
+/- ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบรวมของกลุ่มโอเปกปรับเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด โดยปรับเพิ่มราว 90,000 บาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ระดับ 32.85 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือน ก.ย. 61 เนื่องจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากลิเบีย ซาอุดิอาระเบีย และแองโกลาถูกหักลบกับปริมาณการผลิตที่ลดลงของอิหร่าน ที่ปรับตัวลดลงราว 100,000 บาร์เรลต่อวัน จากมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐฯ
- นักวิเคราะห์มองว่าปัญหาอัตราเงินเฟ้อจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นและวิกฤตค่าเงินของตลาดเกิดใหม่ จะเป็นปัจจัยกดดันการเติบโตของเศรษฐกิจโลกและส่งผลต่อปริมาณความต้องการใช้น้ำมัน
- ภายหลังตลาดปิด สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 28 ก.ย. 61 ปรับตัวสูงขึ้น 907,000 บาร์เรล และรายงานปริมาณน้ำมันเบนซินและน้ำมันดีเซลคงคลังของสหรัฐฯ ปรับตัวลดลง 1.7 ล้านบาร์เรลและ 1.2 ล้านบาร์เรลตามลำดับ
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดิบดูไบ เนื่องจากมีแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันเบนซินยังได้รับแรงกดดันจากการส่งออกจากประเทศไต้หวัน
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าน้ำมันดิบดูไบ จากแรงซื้อในภูมิภาคที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปทานที่คาดว่าจะปรับตัวลดลงจากการซ่อมบำรุงโรงกลั่นในไตรมาสที่ 4
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
§ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของประเทศอิหร่านมีแนวโน้มปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรในเดือน พ.ค. 61 ที่ผ่านมา
§ปริมาณการส่งออกน้ำมันดิบของเวเนซุเอลายังคงปรับลดลงต่อเนื่อง หลังท่าเรือขนส่งน้ำมันดิบหลักของเวเนซุเอลายังคงปิดดำเนินการอยู่
§สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนยังคงทวีความรุนแรงมากขึ้นและคาดจะส่งผลกดดันต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันของโลกอย่างต่อเนื่อง หลังสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนในอัตราร้อยละ 10 กับสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ข่าวเด่น