- ราคาน้ำมันดิบปิดตลาดลดลงกว่าร้อยละ 2 โดยนักลงทุนเทขายสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าเพื่อทำกำไรหลังราคาน้ำมันดิบแตะระดับสูงสุดในรอบ 4 ปี ประกอบกับความกังวลต่ออุปทานที่ปรับเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มกำลังการผลิตของซาอุดิอาระเบียและรัสเซีย
- นาย Khalid al-Falih เปิดเผยว่า ผู้ผลิตน้ำมันดิบกลุ่มโอเปกสามารถปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันดิบได้แล้วกว่า 1.3 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยซาอุดิอาระเบียตกลงร่วมกับรัสเซียในเดือน ก.ย. 2561 ในข้อตกลงการปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อลดความร้อนแรงของราคาน้ำมันดิบลง หลังนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตำหนิผู้ผลิตน้ำมันดิบกลุ่มโอเปกว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบมีราคาสูง
- ตลาดน้ำมันดิบได้รับแรงกดดันจากภาวะการซื้อขายที่ร้อนแรงในช่วงก่อนหน้า ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบเข้าสู่ภาวะซื้อขายมากเกินไป (Overbought) ในทางเทคนิค และทำให้นักลงทุนที่เข้าเก็งกำไรเกิดการเทขายทำกำไร นอกจากนี้ ยังได้รับแรงกดดันจากการเทขายในตลาดทุนของสหรัฐฯ โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 และดัชนีอุตสาหกรรมดาวน์โจนส์ปรับลดลงเกือบร้อยละ 1
- Genscape รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐฯ ณ วันที่ 2 ต.ค. 2561 ที่จุดส่งมอบคุชชิ่ง รัฐโอกลาโฮมา ปรับเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังได้รับแรงกดดันจากปริมาณคงคลังที่อยู่ในระดับสูง แม้ว่าความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในภูมิภาคจะยังคงทรงตัวอยู่ในระดับที่ดี
ราคาน้ำมันดีเซล ปรับตัวลดลงสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ โดยอุปสงค์ยังคงค่อนข้างซบเซาในฤดูฝน อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดการณ์ว่าอุปสงค์จะปรับตัวดีขึ้นตามฤดูกาลในช่วงปลายปี
ปัจจัยที่น่าจับตามอง
-ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังความต้องการใช้น้ำมันปรับตัวลดลง เนื่องจากโรงกลั่นอยู่ในช่วงปิดซ่อมบำรุง โดยในสัปดาห์ล่าสุด สำนักงานพลังงานสากลสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 29 ก.ย. 61 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 7.96 ล้านบาร์เรล มาอยู่ที่ 404.0 ล้านบาร์เรล
-ความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันโลกมีเพิ่มมากขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นเหนือระดับ 80 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศผู้นำเข้าน้ำมันดิบ
ข่าวเด่น